เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2563 นางสาว พรรณิการ์ วานิช คณะก้าวหน้า ร่วมกิจกรรม “ปักหมุดหมายความมั่นคงทางอาหาร” กับชาวชุนชนเคหะร่มเกล้า2 โครงการนี้เป็นความร่วมมือระหว่างคณะก้าวหน้า ลาดกระบัง กับกลุ่ม อสส.เคหะ เอื้ออาทรร่มเกล้า2 โดยวัตถุประสงค์กิจกรรมครั้งนี้สืบเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่มีการล็อกดาวน์ประเทศ ปิดเมือง หยุดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ โดยทอดทิ้ง และไม่คำนึงถึงชุมชน ทำให้เรารู้ว่า การสร้างความมั่นคงทางอาหารมีความสำคัญเพียงใด
พรรณิการ์กล่าวเปิดโครงการ ระบุว่าการร่วมกิจกรรมครั้งนี้ถือเป็นการลงพื้นที่ครั้งแรกในเขตกทม. หลังจากสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งที่ผ่านมาทางคณะก้าวหน้าปรับการทำกิจกรรมร่วมกับประชาชนทางช่องทางออนไลน์อยู่บ่อยครั้ง ซึ่งวันนี้ตนดีใจ ที่ได้มีโอกาสมาร่วมทำกิจกรรม และพบปะผู้สนับสนุน
พรรณการ์กล่าวว่าแม้ในอดีตประเทศไทยได้ชื่อว่าในน้ำมีปลา ในนามีข้าว แต่ปัจจุบันในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริง การดำรงชีวิตในลักษณะพึ่งพาตนเองเช่นนี้ทำได้ยาก เพราะด้วยข้อจำกัดของพื้นที่เขตกรุงเทพมหานคร ชุมชน แฟลต อาคาร อีกทั้งการจับจ่ายใช้สอยของผู้มีรายได้น้อย หาเช้ากินค่ำยังคงผูกขาดกับการซื้ออาหาร ตามร้านค้าและร้านสะดวกซื้อ ซึ่งที่ผ่านมา อำนาจในการครอบงำการได้มาซึ่ง “อาหาร” ถูกกำหนดทั้ง ราคาผลผลิต ปัจจัยการผลิต รูปแบบการผลิต รวมทั้งการกำหนดว่าสิ่งใดควรเป็นหรือไม่เป็น “อาหาร” ทั้งหมดล้วนอยู่ในขอบข่ายการจัดการ Food Supply Chain ของบริษัทขนาดใหญ่เพียงไม่กี่บริษัท สังคมและชุมชน ผู้ผลิตและผู้บริโภค ถูกกำหนดให้ผลิตและบริโภค โดยแยกขาดจากกันทั้งทางตรงและทางอ้อม
การที่คณะก้าวหน้าสนับสนุนให้ชุมชนผลิตอาหารเพื่อปันกันบริโภค หรือบริโภคเองในชุมชน หรือสนับสนุนให้เกิด “ระบบตลาดทางตรง” ของผู้บริโภค-ผู้ผลิต จะทำให้เกิดความเหนียวแน่นเข้มแข็งในชุมชน ทุกคนสามารถแลกเปลี่ยนซื้อขายกัน ในราคาที่เป็นธรรม การขนส่งก็ทำในระยะทางอันใกล้ ไม่สิ้นเปลืองพลังงาน มีผลผลิตที่มีความปลอดภัย
เท่ากับเป็นทั้งส่งเสริมการผลิตอาหารที่หลากหลายและเข้าถึงได้ง่าย แถมยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วย
สำหรับแปลงปลูกผัก ชาวชุมชนเคหะได้ใช้พื้นที่ด้านข้างโครงการให้เกิดประโยชน์ แม้จะเป็นพื้นที่เล็กๆ แต่ก็สามารถปลูกผักสวนครัวไว้กินเองได้ เช่น ผักบุ้ง มะเขือ กะเพรา พริก โดยโครงการดังกล่าว แม้จะเป็นเพียงโครงการเล็กๆ แต่ก็เป็นสิ่งที่เกิดจากคนตัวเล็กๆ ในชุมชนร่วมมือร่วมใจทำกัน โครงการนี้จะเป็นโครงการตัวอย่างให้กับชุมชนอื่นต่อไป และจะนำไปสู่ “ความมั่นคงทางอาหาร” หรือ “อธิปไตยทางอาหาร” และ “การกระจายความมั่งคั่งและอำนาจในการจัดการอาหาร” ของสังคมและชุมชนรากฐานของสังคมไทย อีกทั้งการผลิตที่เกิดจากชุมชนรากหญ้า จะเป็นปัจจัยหนุนให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียน กิน-ใช้ในระดับกลางและล่างของสังคม และเป็นทางเลือกไม่ให้เม็ดเงินถูกนำกลับไปสู่กลุ่มทุนขนาดใหญ่ที่ครอบงำ Food Supply Chain หลักอยู่
โครงการปลูกผักที่กำลังเริ่มต้นในวันนี้ นอกจากมุ่งหมายในด้านความมั่นคงทางอาหาร และการจัดการ Food Supply Chain ของประชาชนแล้ว จุดมุ่งหมายที่อาจผลักดันให้เกิดสืบเนื่องต่อไปคือการกระตุ้นความต้องการ ในการต่อยอด Food Waste Supply Chain ให้ครบวงจร เมื่อมีการปลูกผักเกิดขึ้นในหลากหลายชุมชน ย่อมสร้างความต้องการในการจัดการขยะสดของชุมชนที่มีเหลือล้นในทุกๆ วัน โดยแปรเป็นปุ๋ยอินทรีย์เพื่อนำมาใช้ปลูกผัก
การผลิตอาหารปลอดภัยจากขยะสดในชุมชน อาจเริ่มจากจำนวนน้อย แต่ค่อยๆ เพิ่มขึ้น หากชุมชนทำได้เช่นนี้แล้ว ขยะสดหรือขยะอินทรีย์ที่คิดเป็นร้อยละ 64 ของจำนวนขยะในชุมชนและของเมือง ก็จะถูกแปรรูป กลายเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจ เรียกว่าได้ทั้งความมั่นคงทางอาหาร ได้ลดขยะ และได้สร้างกิจกรรมร่วมกันในชุมชนด้วย