แต่งตั้งองคมนตรี เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2563 ดร.กุสุมาลวตี ศิริโกมุท อดีต ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี นายปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำคณะก้าวไกล อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่(อนค.) ก้าวล่วงถึงการโปรดเกล้าแต่งตั้งองคมนตรีคนใหม่ นายนุรักษ์ มาประณีต ว่า เป็นการไม่สมควร ไม่รู้กาละเทศะ และไม่เข้าใจบริบทของสังคมไทย พอคิดว่าตัวเองแน่ ตัวเองเก่ง เป็นฮีโร่ทางสังคมนั้น ต้องเข้าใจทุกคนมีต้นทุนทางสังคม การเหยียดหยามผู้อื่นว่าทำผลงานเพื่อจะได้มีสิ่งตอบแทน คือการเป็นองคมนตรีนั้น ฟังดูรุนแรง ก้าวล่วงถึงสถาบันหลักของชาติ มันสะท้อนตัวตนของผู้พูดว่าคิดอะไรอยู่ แต่ก็เข้าใจว่าทำไมถึงได้โหวตสวนร่าง พ.ร.ก.ในสภา ที่ท้าทายสถาบัน ก็ทำมาแล้ว แต่การเหยียดหยามบุคคลอย่าง นายนุรักษ์ มาประณีต นั้น อยากบอกว่าช่วยทบทวนแนวความคิดด้วย
ดร.กุสุมาลวตี กล่าวต่อว่า ตนเป็นเพื่อนร่วมเรียนหลักสูตรการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยสำหรับผู้บริหารระดับสูง สถาบันพระปกเกล้า รุ่น 7 (ปปร.7) กับ นายนุรักษ์ มาประณีต มาตั้งแต่ปี 2546 ท่านองคมนตรีท่านเป็นคนดี ไม่พูดเยอะ สุขุม และไม่เคยแสวงหาผลประโยชน์ หรือต้องการตำแหน่ง เงินทองแลกเปลี่ยนทำอะไร มีหลักการกับเพื่อน แม้เป็นนักการเมือง มีอะไรท่านก็ไม่พูด นอกจากชี้แนะแบบกัลยาณมิตร และดำรงค์ตนอย่างสง่างามและมีเกียรติ ทุกคนมีต้นทุนทางสังคมมาในระดับหนึ่ง จึงก้าวขึ้นมาได้ถึงจุดนี้ ก็อย่าดูหมิ่นกันเกินไป สิ่งที่ไม่สบายใจ คือ การวิจารณ์หลังโปรดเกล้าฯ แล้ว แปลว่าอย่างไร และท้าท้ายใคร ประเทศไทยอาจไม่เหมือนฝรั่งเศส คุณค่าและความจำเป็นในบริบทของสังคมไทยมันต่างกัน การโปรดเกล้าแต่งตั้งองคมนตรี ต้องถามว่ามีเจตนาอย่างไร เพราะกระบวนการใดซึ่งได้มาซึ่งองคมนตรี การบัญญัติในมาตรา 10 และมาตรา 11 ของรัฐธรรมนูญว่าให้เป็นไปตามพระราชประสงค์
“การวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ทำในรูปองค์คณะ คำวินิจฉัยกลางจึงไม่ใช่ผลงานของใคร หรือความคิดของตุลาการคนใดคนหนึ่งคนเดียว การโพสต์ข้อความหลังจากมีพระบรมราชโองการแล้ว จึงมิบังควรอย่างยิ่ง ตราบใดที่เรายังอยู่ในประเทศไทย และเป็นพลเมืองไทย” ดร.กุสุมาลวตี กล่าว