“สุภิญญา กลางณรงค์” อดีตกสทช. ลั่นของฟรีไม่มีในโลก ชี้นโยบาย แจกเน็ตบ้าน 10GB ใช้เงินกองทุนฯจ่ายค่ายมือถือ จับตาอยู่ที่ใครจ่าย ใครได้ใครเสีย
เมื่อวันที่ 11 เม.ย. น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ อดีตกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) โพสต์ข้อความในเพจเฟซบุ๊ก Supinya Klangnarong หัวข้อ ของฟรีไม่มีในโลกจ้า อยู่ที่ใครจ่าย ใครได้ใครเสีย โดยมีเนื้อหาความว่า
“เงินที่จะมาจ่ายค่าเน็ตเพิ่ม 10GB เป็นเงินของสาธารณะ ที่ กสทช.นำจากกองทุนฯไปจ่ายให้ค่ายมือถือแทนผู้บริโภคอีกที แต่ยังไม่แน่ใจรายละเอียด เรื่อง การวางบิลว่าจะคิดกันอย่างไร ตรวจสอบได้ไหม มีคนถามมาแต่เราตอบไม่ได้ ต้องถามคนใน กสทช.เวลานี้
คงไม่มีใครห้ามนโยบายนี้ได้ เพราะผู้บริโภคก็คิดว่าได้ประโยชน์บ้าง และต่อให้ กสทช.มีเกณฑ์การจ่ายเงินให้ค่ายมือถืออย่างโปร่งใสจริง ก็ไม่ได้เป็นนโยบายที่น่าภูมิใจนักในยามนี้ เพราะเอื้อเอกชนทุนใหญ่ เกือบจะเป็นการแจกเงินฟรีให้โอเปอร์ในกรณีถ้าคนกดสิทธิ์ไปใช้จริงไม่เท่าไหร่ แล้วถ้าโอเปอร์ไม่มีต้นทุนเพิ่ม แต่รับเงินเหมาจ่ายไปแล้วใช่ไหมอย่างไร ใครจะตรวจสอบบิลนั้น กสทช. ต้องอธิบาย หลักการจ่ายเงินให้เคลียร์ เพราะใช้เงินสาธารณะจำนวนสูงมาก ในขณะที่เงินก้อนนี้สามารถไปใช้อย่างอื่นได้เป็นประโยชน์มากกว่า ยังไม่นับว่าได้ประเมินไหมว่าคนส่วนใหญ่ของประเทศที่ลำบากเขาต้องการอะไร
งานที่จะทำให้ กสทช. ภูมิใจได้จริงคือการกำกับเอกชนให้ลดราคาลง ทำให้อินเตอร์เน็ต เหมือนค่าไฟที่เป็นสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน คุ้มครองสิทธิ ผู้ใช้บริการ มีมาตรการช่วยคนรายได้น้อยที่อาจไม่มีเวลาเล่นเน็ตด้วย แต่เราคงไร้เดียงสา ไปที่คิดอะไรแบบนี้ในโลกแห่งความจริง
ซึ่งนี่คงเป็นส่วนหนึ่งของเหตุที่คนใน กสทช.ปัจจุบัน เสนอให้ตัดสัดส่วนตัวแทนของผู้บริโภคในการสรรหา กสทช.ชุดใหม่ ต่อรัฐสภา ที่กำลังแก้ร่างกฎหมายอยู่
พูดไม่ออกเหมือนกันว่าทำไมเสียงของผู้บริโภค จึงน่ารังเกียจขนาดนั้นหรือ ทั้งที่เจตจำนงค์ของ กสทช.คือมาปกป้องผู้บริโภคจากผู้ประกอบการด้วย
ยอมรับว่าตอนเรายังทำงานอยู่ในสัดส่วนโควต้าตัวแทนผู้บริโภค ซึ่งมักเป็นเสียงข้างน้อย แพ้มติประจำ อาจทำอะไรไม่ได้มากนักจริง แต่ขนาดแพ้มติอยู่แล้ว ยังจะเสนอแก้ พรบ. ไม่ให้มีสัดส่วนตัวแทนผู้บริโภคเลย คือจะให้เงียบสนิท มีแต่กระแสชมอย่างเดียวเลย มันไม่สุดโต่งเกินไปหรืออย่างไร ฝากฝ่ายนิติบัญญัติที่ดูแลกฏหมายนี้ด้วย
ส่วนตัวไม่สามารถสมัครกลับมา เป็น กสทช.ได้อีก แต่ต้องการเห็นกฎหมาย กสทช.ยังมีพื้นที่ให้ตัวแทนผู้บริโภค เข้าไปมีส่วนด้วยในองค์กรตามกฏหมายใหม่ อย่างน้อยได้ทำหน้าที่ตรวจสอบถ่วงดุลกันและกัน ไม่เสียแรงที่องค์กร ภาคสังคมเหนื่อยยากในการผลักดันให้เกิด กสทช.มาตั้งแต่เคลื่อนไหว เรื่องการปฏิรูปสื่อ หลังเดือนพฤษภาคม ปี พ.ศ. 2535″