เพจเฟซบุ๊ก อนาคตใหม่ โพสต์ข้อความร่ายยาว สภารับข้อเสนอภาคประชาชน แก้รัฐธรรมนูญ ด้านนักศึกษาจี้ กมธ. เดินออกจากสภาไปฟังเสียงของประชาชน
14 มี.ค. 63 เพจเฟซบุ๊ก อนาคตใหม่ – Future Forward ได้โพสต์ข้อความระบุว่า สภารับข้อเสนอภาคประชาชน “แก้รัฐธรรมนูญ” – ด้านนักศึกษาจี้ กมธ. เดินออกจากสภาไปฟังเสียงของประชาชน
คณะรณรงค์เพื่อรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน (ครช.) และเครือข่าย People Go Network นำโดยอนุสรณ์ อุณโณ คณบดีคณะสังคมวิทยาและมนุษยวิทยา ม.ธรรมศาสตร์ ได้ตั้งขบวนเดินรณงค์เพื่อเรียกร้องรัฐสภาให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 โดยเดินจากสถานีรถไฟใต้ดินกำเเพงเพชร และมาทางถึงอาคารรัฐสภา ในช่วงเวลา 11.00 น. โดยมีพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหาหลักเกณฑ์ และแนวทางการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ 2560 พร้อมด้วย กมธ. อีกหลายคนรับหนังสือ โดยตลอดระยะเวลามีเสียงตะโกนจากผู้ร่วมเดินขบวนตลอดเวลาว่า “รัฐธรรมนูญต้องแก้”
ก่อนจะยื่นเอกสารตัวแทนผู้ชุมนุมได้อ่านแถลงการณ์ โดยมีใจความสำคัญว่า รัฐธรรมนูญคือกติกาสูงสุดที่กำหนดความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนกับรัฐ รับรองสิทธิ เสรีภาพ และหน้าที่ของบุคคล รัฐธรรมนูญจึงจำเป็นจะต้องมาจากความเห็นพ้องต้องการของประชาชน
แต่รัฐธรรมนูญ 2560 มีที่มาจากคณะบุคคลที่ก่อรัฐประหาร ฉีกรัฐธรรมนูญฉบับก่อนหน้า แล้วก็ตั้งพรรคพวกของตนเขียนรัฐธรรมนูญขึ้นเองโดยประชาชนไม่มีส่วนร่วม อีกทั้งกระบวนการทำประชามติก็ไม่ได้สะท้อนมติของประชาชน เพราะไม่ได้เปิดให้เกิดการแสดงความคิดเห็นอย่างเสรีตลอดกระบวนการ
เนื้อหาของรัฐธรรมนูญ ฉบับปัจจุบัน ยังไม่ได้สะท้อนเจตนารมณ์ของประชาชน แต่ตอบสนองกระชับและขยายอำนาจรัฐ ควบคู่ไปกับการลิดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชน ทั้งยังสร้างเงื่อนไขให้สถาบันการเมืองที่เป็นตัวแทนของประชาชนอ่อนแอ พร้อมกับให้อำนาจศาลรัฐธรรมนูญ องค์กรอิสระ รวมถึงสมาชิกวุฒิสภาอย่างกว้างขวาง
รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันยังเป็นเงื่อนไขให้วิกฤติการเมืองทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น เพราะเป็นที่มาของนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลไม่ได้อิงกับเสียงประชาชนส่วนใหญ่ ส่งผลให้สังคมไทยเผชิญวิกฤติครั้งใหญ่ จะมีก็แต่การร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ประชาชนมีส่วนร่วมเท่านั้นที่จะพาสังคมไทยให้หลุดพ้นจากวิกฤติครั้งนี้ได้
โดย ครช.เสนอหลักเกณฑ์และแนวทางในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ดังนี้
- ให้ตราพระราชบัญญัติการรับฟังความเห็นของประชาชนว่าสมควรจะให้มีการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่และให้ความเห็นของประชาชน มีผลผูกพันในทางกฎหมายและทางการเมืองต่อองค์กรที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
- ในการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้จัดทําร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ โดยมีสาระสําคัญ ดังนี้
2.1 ให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญมาจากการเลือกตั้ง โดยใช้จังหวัดเป็นเขตเลือกตั้งและใช้จํานวนราษฎรเป็นเกณฑ์กําหนดจํานวนสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ ในแต่ละจังหวัด และให้มีกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนโดยการรับฟังความเห็นตลอดกระบวนการ
2.2 ให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 เรื่องหลักเกณฑ์การแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยอาศัยเพียงเสียงเห็นชอบจากสมาชิกรัฐสภาจํานวนไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง
2.3 ให้เขียนในบทเฉพาะกาลของร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ว่าให้นำรัฐธรรมนญูแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 มาใช้และจัดการเลือกตั้งและให้รัฐบาลใหม่ดําเนินการเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญเพื่อยกร่างรัฐธรรมนูญ
- หลังจากสภาร่างรัฐธรรมนูญยกร่างรัฐธรรมนูญแล้วเสร็จ ให้มีการจัดทําประชามติว่าประชาชนเห็นชอบหรือไม่ หากประชาชนเห็นชอบก็ให้ประกาศใช้ต่อไป
สําหรับเนื้อหาในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ครช.มีข้อเสนอเกี่ยวกับเนื้อหา ของรัฐธรรมนูญที่เห็นควรต้องให้ความสําคัญดังนี้
ประเด็นที่หนึ่ง สร้างสิทธิเสรีภาพของประชาชนให้เข้มแข็ง ได้แก่
- ข้อเสนอต่อการพัฒนาหลักการทั่วไป ต้องให้สิทธิประชาชนเป็นใหญ่กว่ารัฐ ไม่มีเงื่อนไขการจํากัดสิทธิเสรีภาพด้วยเหตุ “ความมั่นคงของรัฐ” ไม่ถูกจํากัดด้วยกฎหมายที่ออกภายหลัง
- ข้อเสนอต่อการพัฒนาประเด็นรัฐสวัสดิการ ต้องสร้างหลักประกันรายได้ หลักประกันด้านสุขภาพ หลักประกันด้านการศึกษา คํานึงถึงการคุ้มครอง ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ความเสมอภาค และการเข้าถึงการเข้าถึงสวัสดิการของรัฐอย่างเสมอกัน โดยไม่แบ่งแยกตามฐานะ
- ข้อเสนอต่อการพัฒนาประเด็นสิทธิในกระบวนการยุติธรรม ต้องคุ้มครองผู้ถูกจับกุมไม่ให้ถูกควบคุมตัวเกิน 48 ชั่วโมง ต้องได้สิทธิประกันตัว สิทธิเข้าถึงทนายความ และมีหลักประกันความเป็นอิสระของศาล โดยไม่แบ่งแยกตามฐานะ
- ข้อเสนอต่อการพัฒนาประเด็นสิทธิชุมชน ต้องคุ้มครองสิทธิการเข้าถึงทรัพยากรธรรมชาติ สิทธิชุมชน และการมีที่อยู่อาศัย สิทธิในที่ดินทํากิน สิทธิในการเข้าถึงแหล่งอาหารที่ปลอดภัย สิทธิในการผลิตและการตลาดที่เท่าเทียม
- ข้อเสนอต่อการพัฒนาสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ต้องให้มีสิทธิของประชาชนที่จะเข้าชื่อถอดถอนผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง สิทธิสมัครรับเลือกตั้งโดยไม่จํากัดอายุ สิทธิการต่อต้านการยึดอํานาจโดยไม่ชอบ รวมทั้งการปฏิรูปกองทัพให้อยู่ใต้อํานาจพลเรือนด้วย
ประเด็นที่สอง สร้างกลไกเข้าสู่อํานาจที่ยึดโยงกับประชาชน ได้แก่
- ต้องไม่มีช่องทางสําหรับนายกรัฐมนตรีที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งและกําหนดให้ชัดเจนว่า นายกรัฐมนตรีต้องเป็น ส.ส. โดยพิจารณาหลักการใหม่ๆ ที่จะสามารถสะท้อนเสียงของประชาชนได้ชัดเจนขึ้น เช่น การให้ประชาชนเลือกนายกรัฐมนตรีโดยตรง
- ต้องไม่มีระบบวุฒิสภาที่มาจากการแต่งตั้ง หรือการคัดเลือกโดยกลุ่มบุคคลบางกลุ่ม แต่ต้องมาจากการเลือกตั้งทั้งหมด โดยสามารถพจิารณาสร้างระบบเลือกตั้งแบบใหม่ที่ไม่ทับซ้อนกับการเลือกตั้ง ส.ส. เช่น การใช้ทั้งประเทศเป็นเขตเลือกตั้งเดียว
- ต้องไม่มีกระบวนการวางแผนปฏิรูปประเทศ หรือแผนยุทธศาสตร์ของประเทศ ที่ทําขึ้นโดยคนกลุ่มเดียว หรือมีที่มาจากคนกลุ่มเดียว
- ต้องไม่มีผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ต้องเปิดโอกาสให้ประชาชนมีสิทธิกําหนดอนาคตตัวเอง สนับสนุนการกระจายอํานาจ โดยไมต้อง รอ “ความพร้อม” ของท้องถิ่น
- ต้องไม่มีการนิรโทษกรรมให้คณะรัฐประหาร และไม่รับรองอํานาจคณะรัฐประหารให้มีผลชอบด้วยกฎหมายภายใต้รัฐธรรมนูญ ด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการร่างรัฐธรรมนูญตามนี้เท่านั้นจึงจะสามารถคลี่คลายวิกฤติการเมืองรวมถึงวิกฤต ด้านอื่นๆ ที่ประเทศไทยกําลังประสบอยู่ตอนนี้ได้
มีประชาชนร่วมเดินเท้ามายื่นหนังสือดังกล่าวกว่า 300 คน ด้าน กมธ. จะมีการหารือถึงการพิจารณาเเก้ไข เเนวทางและหลักเกณฑ์ของรัฐธรรมนูญ 2560 ให้เสร็จภายในสิ้นเดือนมีนาคม ก่อนจะสรุปผลรายงานของคณะกรรมาธิการไม่เกินวันที่ 10 เมษายน 2563 เเล้วจึงส่งรายงานต่อสภาผู้แทนราษฏรต่อไป
ทั้งนี้ ในการประชุม กมธ. ชุดดังกล่าวในช่วงบ่าย มีตัวแทนจากนักศึกษาหลายสถาบัน เดินทางมาร่วมเสนอความคิดเห็นเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญตามคำเชิญของ กมธ. โดย นักศึกษายืนยันว่า กมธ. ควรต้องเดินทางไปรับฟังความคิดเห็นของนักศึกษาสถาบันต่างๆ ตามแฟลชม็อบที่มีการจัดขึ้น เพราะกลุ่มที่มาวันนี้ ไม่อาจเป็นตัวแทนของนักศึกษาทั้งหมดกว่าแสนคนทั่วประเทศได้