เสี่ยโป้ 28 ส.ค.63 นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า ตามที่ ร.ต.อ.อรุณ สวัสดี ส.ส.สงขลา พรรคพลังประชารัฐ ประธานคณะทำงานพิจารณาศึกษาการแก้ไขปัญหาบ่อนการพนัน และการพนันออนไลน์ ในคณะกมธ.การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร เชิญ พ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์ และนายอภิรักษ์ ชัยอานนท์ หรือเสี่ยโป้ มาให้ข้อมูล และปรึกษาหารือเพื่อหาวิธีการแก้ปัญหาการพนันโดยให้เหตุผลว่าทั้ง 2 คน เป็นผู้ที่มีความรู้ ความเข้าใจ และมีความชำนาญในเรื่องการพนัน จึงเชิญมาให้ข้อคิดเห็นนั้น
พ.ต.ท.สันธนะ เป็นอดีตรองผู้กำกับการสันติบาล ในวงการสีกากี ใคร ๆ ต่างรู้จักดี เพราะมีประวัติโชกโชน และเกี่ยวข้องกับกิจการสีเทาหลายเรื่อง เคยถูกตำรวจแจ้งข้อกล่าวหามีคดีความอยู่ในศาลหลายคดี ทั้งเรื่องสนามม้า และกรณีตลาดใหม่ดอนเมือง
ส่วนนายอภิรักษ์ หรือเสี่ยโป้นั้น ในโลกโซเชียลต่างรู้จักดี โดยเฉพาะพวกเว็บพนันออนไลน์ทั้งหลายที่จ้างสาว ๆ ที่เป็นไอดอลทั้งหลายมาช่วยโปรโมตกันอย่างหนักในขณะนี้ แต่ตำรวจด้านเทคโนโลยีและสารสนเทศมองไม่เห็น จนกระทั่งเมื่อวาน( 27 ส.ค.)ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พร้อมสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือสสส., เครือข่ายเยาวชนลดปัจจัยเสี่ยง, เครือข่ายเด็กรุ่นใหม่ไม่พนัน, เครือข่ายลมหายใจไร้มลทิน รวมตัวกันกว่า 30 คน ไปยื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. เพื่อขอให้ดำเนินการกับเน็ตไอดอลชื่อดังจำนวนกว่า 200 คน ในข้อหาโฆษณาชักชวนเล่นการพนัน
สภาผู้แทนราษฎร เป็นสถานที่อันทรงเกียรติของชาติ เป็นฝ่ายนิติบัญญัติและตรวจสอบฝ่ายบริหาร การที่ประธานคณะทำงานพิจารณาศึกษาการแก้ไขปัญหาบ่อนการพนัน และการพนันออนไลน์เชิญบุคคลที่คนทั้งประเทศต่างรู้ดีว่าทำธุรกิจที่ส่อผิดกฎหมาย และขัดต่อศีลธรรมอันดีของสังคม มาให้ข้อมูลและปรึกษาหารือ โดยอ้างว่าเพื่อเลียนแบบภาพยนตร์ฝรั่งเรื่อง Catch Me if You Can หรือชื่อไทยคือ จับให้ได้ ถ้านายแน่จริง เป็นคนละกลวิธี ซึ่งไม่ใช่หน้าที่ของกรรมาธิการที่จะทำเหมือน FBI ได้
แต่ที่แน่ ๆ มีการพูดคุยกันถึงขั้นจะเชิญเสี่ยโป้มาเป็นที่ปรึกษาคณะทำงานฯอย่างเป็นทางการนั้น หาชอบด้วยไม่ เพราะจะเป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตามรัฐธรรมนูญ 2560 ม.219 โดยชัดแจ้ง โดยเฉพาะในข้อ 29 ที่ระบุว่า “ไม่คบหาสมาคมกับคู่กรณี ผู้ประพฤติผิดกฎหมาย ผู้มีอิทธิพล หรือผู้มีความประพฤติ หรือผู้มีชื่อเสียงในทางเสื่อมเสีย อันอาจกระทบกระเทือนต่อความเชื่อถือศรัทธาของประชาชน ในการปฏิบัติหน้าที่”
รวมทั้งต้องยึดมั่นหลักนิติธรรม และประพฤติตนอยู่ในกรอบศีลธรรมอันดีของประชาชน และไม่กระทําการใดที่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของการดํารงตําแหน่ง หาก กมธ.ชุดดังกล่าวอยากท้าทายก็เดินหน้าตั้งเป็นที่ปรึกษาอย่างเป็นทางการต่อไป เดี๋ยวสมาคมฯจะไปร้องสอบเอาผิดกรรมาธิการและคณะทำงานทั้งชุดเอง เพราะสุภาษิตไทยเขาบอกไว้ว่า คบคนเช่นใดย่อมเป็นคนเช่นนั้น