สรุป 10 ประเด็น อนาคตใหม่ แฉปฏิบัติการ IO ของรัฐบาล-กองทัพ ใช้ภาษีคนไทย สร้างความแตกแยก บั่นทอนความสามัคคีคนไทยด้วยกันเอง
.
1.ก่อนหน้านี้ชาวเน็ตทุกคนต่างรู้สึกและสังเกตเหมือนกันว่ามักจะมีบัญชีแปลกๆ เที่ยวคอมเมนท์ไปทั่ว โดยเน้นการดูถูก ด่าทอ ใส่ร้าย แพร่ข่าวปลอม เพื่อดิสเครดิตฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งทางการเมือง รวมถึงในประเด็นความไม่สงบในจังหวัดชายแดนใต้ ที่มีการป้ายสีสาดโคลนภาคประชาสังคม นักสิทธิมนุษยชน และนักการเมืองในท้องถิ่นด้วย แต่ก็ไม่มีใครมีหลักฐานชัดเจนว่าใครอยู่เบื้องหลังปฏิบัติการนี้ แต่คาดว่าน่าจะเป็น ”การปฏิบัติการข้อมูลข่าวสาร” หรือ IO (Information Operation) ของทางกองทัพและหน่วยงานความมั่นคงอื่นๆ
.
2.จนกระทั่ง วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส. อดีตพรรคอนาคตใหม่ได้เข้าทำงานในคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 และพบเอกสารของกองอำนวยการรักษาความสงบภายในราชอาณาจักร หรือ กอ.รมน. ที่อยู่ในกำกับดูแลของสำนักนายกรัฐมนตรี มีการระบุรายงานผลการปฏิบัติงานข่าวสารของเว็บไซต์ pulony.blogspot.com ที่เป็นศูนย์รวมข่าวปลอมสร้างความเกลียดชัง มุ่งโจมตีใส่ร้ายบุคคล ยุยงปลุกปั่นทำให้สังคมแตกแยก บั่นทอนกระบวนการสันติภาพในจังหวัดชายแดนใต้ เท่ากับว่าหน่วยงานรัฐเป็นผู้สร้างความแตกแยกในสังคมเสียเอง
.
3.นอกจากนั้น วิโรจน์ยังได้เปิดเอกสารราชการของกองทัพบก จัดตั้งหน่วย IO โดยมีการจัดสรรงบประมาณและสนับสนุนค่าโทรศัพท์ให้กำลังพลในหน่วย IO คนละ 100-300 บาท/เดือน และมีรางวัลให้ 2 รางวัล รางวัลละ 3,000 บาท/เดือน ด้วย
.
4.วิโรจน์เปิดเผยไฟล์ต่างๆ ของปฏิบัติการ IO พบว่ามีการสั่งให้กำลังพลสมัครบัญชีอวตาร เพื่อโพสต์ตอบโต้ พลีชีพ แพร่มลทิน ด้อยค่าผู้อื่นบนโลกออนไลน์ และประชาสัมพันธ์สร้างความนิยมให้กับผู้นำของฝ่ายตนเอง
.
5.มีการประชุม Video Teleconference ประจำวัน ตั้งแต่เวลาประมาณ 10.00-12.00 น. และมีการส่งข้อมูล ชี้เป้า ติดตามและรายงานผลกันผ่านกลุ่มไลน์ โดยไม้เด็ดของวิโรจน์ มีการเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการทลายรัง IO เหล่านี้ โดยเปิดคิวอาร์โค้ดบนหน้าจอ เพื่อให้ประชาชนสแกนเข้าไป แล้วพบว่าเป็นกลุ่มไลน์ส่งข่าวและรายงานภารกิจตามที่กล่าวไปข้างต้น มีการแบ่งเป็นข่าวสารที่เป็นบวกและเป็นลบต่อรัฐบาล มีการชี้เป้าให้โจมตีบุคคลธรรมดาและบัญชีโซเชียลมีเดียที่แสดงออกอยู่ฝั่งตรงข้ามกับรัฐบาล หรือแม้แต่ช่องสื่อออนไลน์ โดยวิโรจน์กล่าวถึงเจ้าหน้าที่ IO ว่า “จงวางเมาส์ วางคีย์บอร์ดได้แล้ว เพราะตอนนี้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและประชาชนได้ล้อมท่านเอาไว้หมดแล้ว”
.
6.จากข้อ 1-5 เป็นที่ยืนยันชัดเจนแล้วว่า กอ.รมน.-กองทัพบก มีส่วนในการสร้างความแตกแยก การปลุกปั่นให้เกิดความแตกแยก แต่วิโรจน์กล่าวว่านี่ไม่ใช่หน้าที่ของกองทัพ เพราะหน้าที่ของกองทัพคือการธำรงไว้ซึ่งการรู้รักสามัคคีของคนในชาติ และความสามัคคีของคนในชาติต่างหากคือความมั่นคงและอธิปไตยของขาติ
.
7.วิโรจน์ฝากไปถึงประชาชนว่า ที่ผ่านมาทำไมคนไทยต้องเกลียดชังกัน ต้องมุ่งร้ายต่อกัน วันนี้ตนได้ทราบคำตอบแล้วว่ามันมีกระบวนการภายใต้การรู้เห็นและอยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมที่ชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่พยายามบ่มเพาะเมล็ดแห่งความเกลียดชังให้กับคนในสังคม เพื่อให้ตนเองสามารถแบ่งแยกประชาชนแล้วปกครอง สั่งให้กองทัพปฏิบัติภารกิจที่เสื่อมเสียต่อเกียรติภูมิทหาร ทำตัวลับๆ ล่อๆ แอบคุกคามประชาชน โดยไม่สนใจความสูญเสียต่อความรู้รักสามัคคีของประชาชนคนในชาติ ถึงเวลาแล้วที่ประชาชนต้องเลิกเกลียดชังกันเสียที และต้องเลิกตกเป็นเครื่องมือของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
.
8.เมื่อย้อนกลับไปฟังคำให้สัมภาษณ์ของ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2563 หลังเหตุการดยิงโคราช ได้กล่าวว่า “ผมขอถามสื่อบ้างว่าจะทำอย่างไรไม่ให้เกิดความแตกแยก เพราะกองทัพบกสู้ไม่ไหว ทหารทำแฮชแท็กไม่เก่ง ไม่รู้ต้องตั้งอะไรให้คนไปติดตาม โฆษณาชวนเชื่อไม่เป็น ก็อาจเป็นจุดอ่อนของกองทัพ ซึ่งต่อไปจะตั้งหน่วยรับมือกับโซเชียล แต่เอาเป็นว่าก็จะไม่ท้อถอย เหตุการณ์ครั้งนี้เสียใจแต่ก็จะทำให้เข้มแข็งสู้ต่อไป แก้ไขในสิ่งผิดจากนี้ต่อไปในเวลาที่เหลืออยู่”
.
ซึ่งข้อความเหล่านี้ไม่เป็นจริง เพราะกองทัพบกได้มีกำลังพลที่คอยโฆษณาชวนเชื่อ ติดแฮชแท็ก ทำงานโซเชียลก่อนหน้านี้แล้ว (อ้างอิงตามวันที่ในเอกสารที่วิโรจน์เปิดเผย)
.
9.ในช่วงระหว่างวิโรจน์อภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีเรื่องนี้ พล.อ.ประยุทธ์ได้เดินออกจากห้องประชุมสภาไป ไม่มีการชี้แจงใดๆ
.
และในวันรุ่งขึ้น พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวสั้นๆ ต่อกรณีดังกล่าวว่า “ไม่ทราบ เพราะการทำงานปกติไม่มีนโยบายเรื่องนี้อยู่แล้ว และยังเห็นว่าในโซเชียลมีเดียก็มีการกระทำมากมาย เพราะตนก็เจอแบบนี้ ใครทำก็ไม่รู้ เดี๋ยวจะให้ตรวจสอบอีกครั้ง ย้ำว่ารัฐบาลไม่มีนโยบายให้ทำเช่นนี้”
.
ด้าน พล.ท.ธัญญา เกียรติสาร แม่ทัพภาคที่ 2 ในฐานะเป็นหน่วยงานที่ปรากฏอยู่ในเอกสารราชการที่วิโรจน์นำมาเปิดเผย กล่าวในวันเดียวกันว่า “เป็นลักษณะการทำงานของทหารที่เปิดเผยตัว ไม่ใช่อวตาร(?) และก็เป็นกลุ่มทั่วไปที่มีการเล่นไลน์และ โซเชียลมีเดีย ผมยืนยันว่าไม่ใช่คำสั่งของกระทรวงกลาโหมในการตั้งปฏิบัติการ ไอโอ ในแต่ละกองทัพภาค แต่เป็นการให้ช่วยกันเพราะเราถูกกระทำ และเราก็อ่อนเรื่องการประชาสัมพันธ์”
.
10.มีหลักฐานอีกจำนวนมาก มีเรื่องราวอีกไม่น้อยที่เรายังไม่ได้เปิดเผยต่อสาธารณะ โปรดรอติดตามตอนต่อไป…
.