ระบบเลือกตั้ง : เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2563 ที่รัฐสภา นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงแนวทางการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 ของพรรคประชาธิปัตย์ว่า พรรคยึดเรื่องการแก้ไขเพื่มเติมรัฐธรรมนูญเป็นนโยบายหลักของพรรคตั้งแต่เริ่มมีการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งการแก้ไขไม่ได้มองแต่ระบบการเมือง และระบบการเลือกตั้งเท่านั้น แต่พรรคยังคำนึงถึงเรื่องสิทธิ เสรีภาพ ของประชาชนที่ขาดหายไปด้วย รวมถึงระบบการเลือกตั้งที่เป็นปัญหา กระบวนการเข้าสู่ตำแหน่งของทั้งฝ่ายนิติบัญญัติ และฝ่ายบริหาร ซึ่งการเลือกตั้งที่ผ่านมาสร้างปัญหาหลายส่วน เพราะเป็นไปได้อย่างไรที่เรามีรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดแล้ว แต่ไม่รู้ว่าจะมีกระบวนการนับคะแนนด้วยวิธีการใด โดยอ้างว่าใช้วิธีจัดสรรปันส่วนผสม และยังระบุหลักการว่าไม่ให้มีคะแนนเสียงตกน้ำ แต่ปรากฎว่าแต่ละพรรคก็ยังมีคะแนนตกน้ำ และสัดส่วน ส.ส.พึงมีก็บิดเบี้ยวไปหมด พรรคเล็กหลายพรรคได้รับการจัดสรรได้เป็น ส.ส.นอกจากนี้ หลายพรรคยังเห็นตรงกันว่า ระบบเลือกตั้งควรให้มีบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ เพื่อที่ประชาชนหนึ่งคนจะได้มีสิทธิในการเลือกตั้งทั้งพรรค และ ส.ส.เขต ซึ่งจะตรงตามเจตนารมณ์มากกว่า กมธ.ฯ ต้องทบทวนเรื่องเหล่านี้เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในอนาคต
นายราเมศ กล่าวว่า ส่วนที่บอกว่ารัฐธรรมนูญ 2560 เป็นฉบับปราบโกง แต่หากดูมาตรา 236 เรื่องการถ่วงดุลระหว่างองค์กรอิสระกับฝ่ายการเมือง แต่กลับมีการระบุว่า หากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กระทำผิดให้ ส.ส. , ส.ว.หรือสมาชิกของทั้งสองสภา เข้าชื่อไม่น้อยกว่า 1 ใน 5 กล่าวหา ป.ป.ช.แต่ให้ยื่นต่อประธานรัฐสภา เพื่อให้ใช้อำนาจวินิจฉัยว่าควรส่งศาลฏีกาหรือไม่ ซึ่งการกำหนดแบบในอนาคตเราไม่สามารถคาดหวังกับตัวบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งประธานรัฐสภาได้ จึงเห็นว่าควรต้องเขียนรัฐธรรมนูญให้เป็นธรรมต่อทุกฝ่ายมากที่สุด เพื่อให้การตรวจสอบถ่วงดุลเกิดขึ้นได้อย่างแท้จริง
นายราเมศ กล่าวต่อว่า เมื่อรัฐธรรมนูญฉบับนี้แก้ยากที่สุด จึงอยากทำให้เป็นรัฐธรรมนูญที่แก้ไขง่ายก่อน อำนาจของ ส.ว.ในการที่จะมาระบุว่า ให้ความเห็นชอบในวาระ 1 – 2 ในจำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 อันนี้เป็นอุปสรรคต่อการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญด้วยเช่นกัน ดังนั้น เมื่อปลดล็อกมาตรานี้ได้ก็จะทำให้เป็นรัฐธรรมนูญที่แก้ไขได้ง่ายตรงตามเจตนารมณ์ของประชาชน ถ้าหากทุกคนไม่เห็นด้วยกับ ส.ว.ที่มาด้วยกระบวนการแบบนี้ จะเปลี่ยนแปลงด้วยวิธีไหนต้องมีการหารือกันก่อน ทั้งนี้ตนไม่ได้บอกว่า ส.ว.ไม่ดี แต่พูดถึงกระบวนการที่มาของ ส.ว.ว่าจะมีวิธีการไหนที่จะมาจากการเป็นตัวแทนประชาชนอย่างแท้จริง