ศ.ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง อาจารย์พิเศษประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อดีตสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กระบุว่า องค์กรอิสระ ออกระเบียบเอง เอื้อประโยชน์ให้นำคู่สมรส กินบิน เที่ยวต่างประเทศ โดยภาษีประชาชน
ได้ปรากฏระเบียบผู้ตรวจการแผ่นดิน ข้อ 8 ผู้ตรวจการแผ่นดินจะเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปต่างประเทศสำหรับคู่สมรสได้เฉพาะกรณีที่ได้รับความเห็นชอบร่วมกันจากผู้ตรวจการแผ่นดิน
ค่าใช้จ่ายในการเดินทางของคู่สมรส ให้เบิกได้ในอัตราเดียวกับผู้ตรวจการแผ่นดิน
ระเบียบข้อนี้ เป็นข้อที่ได้รับวิพากษ์วิจารณ์และควรจะได้มีการพิจารณา ทบทวน ด้วยเหตุผล
(1) งานของผู้ตรวจการแผ่นดิน เป็นงานที่มีฐานของงานอยู่ในประเทศ ต่างกับงานของเอกอัครราชทูตที่เป็นตัวแทนประเทศไปทำงานและพำนักในต่างประเทศ
(2) ผู้ตรวจการแผ่นดินอาจมีงาน (ที่สามารถหลีกเลี่ยงได้) ในการไปศึกษา ดูงาน แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับต่างประเทศบ้าง แต่ก็ไม่มีความจำเป็นต้องนำคู่สมรสไปปรากฏตัวหรือแสดงตัวเพื่อผลของการเยือนประเทศ เฉกเช่นประมุขหรือผู้นำสูงสุดของประเทศ
(3) คู่สมรส ไม่ว่าจะเป็นภรรยาหรือสามี ไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่หรือข้าราชการ ผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้อง เพราะหากต้องมีผู้ช่วยงานในหน้าที่ ก็ควรจะนำ เจ้าหน้าที่ผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับงานไปร่วมปฏิบัติงาน
(4) การเดินทางไปต่างประเทศ องค์กรอิสระเหล่านี้มักจะเดินทางโดยอ้างเทียบระดับตำแหน่งประธานกับนายกรัฐมนตรี และผู้ตรวจการแผ่นดินหรือกรรมการองค์กรอิสระเทียบกับรัฐมนตรี
ซึ่งจะเดินทางโดยเครื่องบินชั้น 1 ( First class ) และมีเบี้ยเลี้ยง ที่พัก และการเดินทางอื่นๆในระดับสูง
จึงเป็นเรื่องที่ต้องใคร่ครวญ ว่าจะนำคู่สมรสติดตาม ไปด้วยโดยใช้เงินภาษีของประชาชนในอัตราสูง จะเหมาะสมและคุ้มค่าหรือไม่
(5) การเปิดช่องให้นำคู่สมรสติดตามไปด้วย โดยอ้างว่า “ เฉพาะกรณีที่ได้รับความเห็นชอบร่วมกันจากผู้ตรวจการแผ่นดิน ” จะถือว่าเป็นการใช้ดุลพินิจของเพื่อนร่วมงานในระดับเดียวกัน ซึ่งมีผลประโยชน์ร่วมกัน จะเหมาะสมถูกต้องหรือไม่
กฎเกณฑ์ที่เปิดช่องและมีข้อยกเว้นเช่นนี้ ในการตรวจสอบไม่เคยได้ผลในทางปฏิบัติเพราะต่างมีความเกรงใจ ลูบหน้าปะจมูก ผลัดกันเกาหลัง
(6) ไม่พบระเบียบขององค์กรอิสระอื่นที่เปิดช่องให้นำคู่สมรสเดินทางไปทำงานด้วย โดยเบิกค่าใช้จ่ายได้อัตราเดียวกับกรรมการองค์กรอิสระผู้ไปปฏิบัติงาน
เว้นแต่พบระเบียบของคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน ( คตง. ) ที่ระบุไว้ในข้อ 10 และ ข้อ 11 ว่า
“ข้อ 10 ประธานกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน กรรมการตรวจเงินแผ่นดินและผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินจะเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปต่างประเทศสำหรับคู่สมรสได้ เฉพาะกรณีได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน”
“ข้อ 11 ค่าใช้จ่ายในการเดินทางของคู่สมรสตามข้อ 10 ให้เบิกได้เช่นเดียวและในอัตราเดียวกับผู้ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน กรรมการตรวจเงินแผ่นดิน และผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ”
(7) หากพิจารณาระเบียบเดิมของผู้ตรวจการแผ่นดิน พ.ศ. 2555 ก็ไม่เคยมีการระบุเปิดช่องให้นำคู่สมรสเดินทางไปต่างประเทศและได้รับค่าใช้จ่ายจากเงินภาษีของประชาชนเช่นนี้มาก่อน
จึงสันนิษฐานได้ว่าเมื่อเห็นว่าระเบียบของ คตง. ทำได้ก็ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงระเบียบของผู้ตรวจการแผ่นดินเอง ให้ได้รับประโยชน์บ้าง สะท้อนความอยากมี อยากได้ อยากเอาของผู้กำหนดระเบียบเอง
ไม่ต่างอะไรกับการที่องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญเหล่านี้จะลอกเลียนพฤติกรรม ดังที่ปรากฏในระเบียบการปฏิบัติงาน
เมื่อครั้งที่มีการขึ้นเงินเดือนตนเองขององค์กรอิสระฯ เมื่อกว่า 10 ปีมาแล้วก็มีลักษณะเช่นเดียวกัน
กล่าวคือ จากการสอบสวนของกรรมาธิการศึกษาสอบสวนเรื่องทุจริต วุฒิสภาที่ผมเป็นกรรมาธิการและเป็นผู้ค้นพบว่าในครั้งนั้นต้นเหตุเริ่มจาก ศาลรัฐธรรมนูญ ต่อมาเมื่อองค์กรอิสระฯอื่นเห็นว่า ศาลรัฐธรรมนูญทำได้ก็ทำตามกันในภายหลัง
จนกระทั่งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตแห่งชาติ ( ปปช. ) ต้องรับโทษจากคำตัดสินของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นองค์กรแรก ส่วนกรรมการขององค์กรอิสระอื่นๆ เช่น กกต. ผู้ตรวจการแผ่นดินและศาลรัฐธรรมนูญสมัยนั้นต่างหลุดรอดอาญาแผ่นดิน ด้วยปาฏิหาริย์ของกฎหมายและแก้ไขตกแต่งประกาศและระเบียบของตนเสียใหม่
ทั้งนี้ อยากจะดูว่าสภาผู้แทนราษฎรหรือวุฒิสภาหรือองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญอื่นเช่น ปปช. จะนิ่งดูดายหรือไม่