วันที่ 3 กรกฎาคม 2563 น.ส. จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย อภิปรายร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564 ว่า รัฐบาลจัดทำร่างงบประมาณฉบับนี้ ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันและอนาคตของประเทศ เป็นการประมาทต่อสถานการณ์วิกฤติเศรษฐกิจเกินไป งบประมาณวงเงิน 3.3 ล้านล้านบาทถือเป็นงบประมาณที่ตั้งอยู่บนความเสี่ยงทางเศรษฐกิจในทุกด้าน และสุ่มเสี่ยงที่จะพาประเทศไปสู่การเกิดภาวะล้มละลายทางการคลัง ขณะนี้ประเทศอยู่ในภาวะที่ผิดปกติเป็นอย่างมาก เศรษฐกิจกำลังหดตัวรุนแรงกว่าที่รัฐบาลคาดการณ์ การจัดเก็บรายได้ยิ่งจะทำได้ยากมากขึ้น และอาจต่ำกว่าเป้าอย่างรุนแรงชนิดที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แถมรัฐบาลยังต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ออกไปอีก ยิ่งจะซ้ำเติมภาวะเศรษฐกิจของประเทศให้ฟื้นตัวช้า จึงมีแนวโน้มสูงที่ปี 2564 รัฐบาลจะเก็บรายได้ต่ำกว่าเป้าหมาย
รัฐบาลควรตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออกไป เช่น งบกลาง ในส่วนรายการที่ 12 ค่าใช้จ่ายในการบรรเทาแก้ไขและเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวน 40,325 ล้านบาท ซึ่งเป็นงบที่ซ้ำซ้อนกับ พ.ร.ก.กู้เงินจำนวน 1 ล้านล้านบาท นอกจากนี้ยังมีงบรายจ่ายลงทุนบางรายการที่ไม่เกิดประโยชน์และยังสร้างภาระให้กับรายจ่ายประจำในการบำรุงรักษาในอนาคต ที่อยู่ในรายการของกระทรวงกลาโหม เช่น งบซื้ออาวุธ งบก่อสร้างอาคารบ้านพักข้าราชการหลังใหม่ ซึ่งทำให้เกิดคำถามว่ามีความจำเป็นเร่งด่วนมากขนาดไหนในวิกฤติเช่นนี้ และถ้าบอกว่ามีความจำเป็น ทำไมก่อนหน้านี้ถึงไปตัดงบก่อสร้างอาคารเรียน ปี 2563 ที่ครูนักเรียนรอคอยมานาน แล้วโอนงบนี้มาเป็นงบกลางให้นายกรัฐมนตรีได้ใช้ นั่นเป็นการตัดสินแล้วว่าการก่อสร้างอาคารเรียนให้ลูกหลานไม่ได้จำเป็น ไม่ได้รองรับวิกฤติโควิด-19 แล้วแบบนี้การก่อสร้างอาคารที่พักให้นายพลมีความจำเป็นเร่งด่วนและรองรับวิกฤติโควิด-19 อย่างไร
“6 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยมีงบประมาณที่ทำโดยรัฐบาลที่มีนายกรัฐมนตรีคนเก่า คิดแบบเก่า ทำงบประมาณแบบเก่า แต่ผลลัพธ์ในครั้งนี้อาจจะไม่เหมือนเก่า แต่จะเลวร้ายกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา เพราะเรากำลังเผชิญกับ “สึนามิทางเศรษฐกิจ” ชนิดที่ไม่เคยมีมาก่อน หัวใจของการแก้ไขปัญหาในครั้งนี้ คือมันสมองและคุณภาพในการใช้เงินของรัฐบาล ถ้ารัฐบาลใช้เงินไม่เป็น เงินจำนวนมหาศาลนี้ก็จะสร้างภาระหนี้ให้กับประชาชนเพิ่ม ซ้ำเติมเศรษฐกิจของประเทศ ในขณะที่ปัญหายังไม่ได้รับการแก้ไข และเป็นเหมือนระเบิดเวลา และอาจพาประเทศไปสู่การล้มละลายทางการคลังได้” น.ส.จิราพร กล่าว