เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2563 ที่รัฐสภา จิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย แถลงถึงการอภิปรายของฝ่ายค้านต่อพระราชกำหนด 3 ฉบับ อันประกอบไปด้วย พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ.2563 , พระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจ ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ.2563 และพระราชกำหนดการรักษาเสถียรภาพของระบบการเงินและความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ พ.ศ.2563
นายจิรายุ กล่าวว่า จากการตรวจสอบเสียงสะท้อนของประชาชนทั้งในสื่อสังคมออนไลน์และจากสำนักงานสาขาของพรรคที่มีต่อการอภิปรายพระราชกำหนดฉบับที่ 1 ซึ่งมีการกู้เงินเพื่อการเยียวยาและดูแลเศรษฐกิจวงเงิน 1 ล้านล้านบาทนั้น ตลอด 2 วันที่ผ่านมา พบว่า ประชาชนมีความเห็นไปในทิศทางเดียวกันคือเป็นห่วงว่าการกู้เงินจะทำให้เป็นหนี้ตลอดไป วันนี้จึงได้มีฉายาใหม่ให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่า “ลุงตู่นักกู้ลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา” ซึ่งลุงตู่กลายเป็นนักกู้แห่งลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งในช่วงเย็นวันนี้ ตนจะอภิปรายสรุปพระราชกำหนดฉบับนี้ด้วย ซึ่งพรรคเพื่อไทยจะยังติดตามตรวจสอบการใช้เงินกู้ต่อไป
นายจิรายุ กล่าวต่อว่า หากรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ มีการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจเป็นอย่างดีอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2557 ภายหลังการปฏิวัติ โดยการตั้งงบประมาณสมดุลปีละ 100,000 ล้านบาท ซึ่งรัฐบาลพลเอกประยุทธ์บริหารประเทศมาเป็นเวลา 6 ปี จนถึงขณะนี้รัฐบาลก็จะมีเงินอย่างน้อยถึง 600,000 ล้านบาท ดังนั้น จึงไม่จำเป็นต้องกู้เต็มจำนวน 1 ล้านล้านบาท หากรัฐบาลสามารถหาเงินเก่ง นอกจากทำการแจกเพียงอย่างเดียว วันนี้อาจจะกู้เงินเพียง 200,000 – 300,000 ล้านบาท ขณะเดียวกัน ในการอภิปรายชี้แจงของคณะรัฐมนตรีนั้นนอกจากสอบตกแล้วยังต้องไล่ออก เพราะมีแต่พูดว่าจะกู้เงินและอวดบารมีศักดิ์ศรีของตนเองว่าแก้ไขปัญหา แต่ไม่เคยบอกว่าจะใช้หนี้และหาเงินอย่างไร โดยฝ่ายค้านมีเวลาอีกครึ่งทางของการอภิปรายซึ่งได้มีการจัดลำดับขุนพลที่จะอภิปรายชำแหละเงินกู้ ทั้งนี้ มองว่าการกู้เงินไม่ใช่ปัญหา แต่การใช้หนี้คือปัญหาของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์
นายจิรายุ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ยังมีความวุ่นวายของรัฐบาลที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องของผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท.ที่ชี้แจงถึงการดำเนินงานตามพระราชกำหนดผ่านเฟซบุ๊ก ซึ่งมองว่าคนระดับผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ควรชี้แจงกับนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดยผู้ว่าการ ธปท.พยายามชี้แจงว่ามีการกู้เงินไม่ถึง 1.9 ล้านล้านบาท แต่พรรคร่วมรัฐบาลกลับพูดถึงเงิน 1.9 ล้านล้านบาท ตลอดระยะเวลาของการอภิปราย ซึ่งมองว่าการชี้แจงว่ารัฐบาลกู้เงินไม่ถึง 1.9 ล้านล้านบาท ของผู้ว่าการ ธปท.นั้น เป็นการเบี่ยงเบนประเด็นว่ารัฐบาลกู้เงินไม่ถึง 1.9 ล้านล้านบาท เป็นเงินยืม อัฐยายซื้อขนมยาย ซึ่งมองว่าเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง คนระดับผู้ว่าการ ธปท.ต้องชี้แจงด้วยเอกสาร ไม่ใช่ใช้พื้นที่เฟซบุ๊ก และต้องชี้แจงผ่านกระทรวงการคลัง เพื่อให้ประชาชนเกิดความมั่นใจว่าเงิน 1.9 ล้านล้านบาท
“ที่ประเทศไทยและประชาชนต้องเป็นหนี้ไปอีก 80 ปี ผมตาย 2 รอบ ไม่รู้จะอยู่ทันใช้ครบหรือเปล่า จึงขอให้แบงก์ชาติพูดให้ชัดเจนว่าจะแก้ไขปัญหาอย่างไร” นายจิรายุ กล่าว