พรรคก้าวไกล – ในการอภิปรายรายงานประจำปี 2562 ของศาลรัฐธรรมนูญ นาย ธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส. พรรคก้าวไกล ได้อภิปรายมุมมองต่อศาลรัฐธรรมนูญ โดยระบุว่า ศาลรัฐธรรมนูญด้อยทั้งเชิงคุณภาพและปริมาณ หากพิจาณาถ้อยคำต่างๆในรายงานที่เสนอต่อสภา จะพบคำว่า ประชาธิปไตย ประชาชน และความยุติธรรม น้อยมาก ซึ่งประชาชนควรเป็นสิ่งที่สังคมประชาธิปไตยจะต้องยึดมั่น และศาลก็ควรเป็นของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน นอกจากนี้ 167 หน้าของรายงานยังแทบไม่ปรากฏคำว่า “ยุติธรรม” จึงเป็นคำถามต่อไปว่า การพิจารณาคดีของศาลรัฐธรรมนูญนั้นจะต้องคำนึงความยุติธรรมหรือไม่?
สำหรับปัญหาของศาลรัฐธรรมนูญในเชิงปริมาณ ธีรัจชัย ระบุว่า สามารถพิจารณาคดีแล้วเสร็จเพียง 15 เรื่อง หากเทียบกับเงินงบประมาณที่ได้รับ 200 ล้านบาท ถือว่าไม่คุ้มเลย และที่สำคัญคือมีค่าใช้สอยถึง 44 ล้าน ที่ไม่มีการชี้แจงในรายงานต่อสภา
พลังประชารัฐ เล็งช่อง เล่นงาน ยุบพรรคก้าวไกล เตือน! ธนาธร-ช่อ-ปิยบุตร โหน 10 ข้อ
ก้าวไกล โพสต์คนขับ แกร็บ หลายร้อยชีวิตเสนอข้อเรียกร้องการทำงาน 3 ประเด็น
ส่วนปัญหาในเชิงคุณภาพ ประการแรก การพิจารณาคดีของศาลรัฐธรรมนูญมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงเจตนารมย์ของประชาชน นับตั้งแต่ คสช. ยึดอำนาจ จะพบว่า ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 7 ใน 9 คน มีที่มาเกี่ยวข้องกับ คสช. หมายความว่าไม่ได้มาจากประชาชนแต่มาจากการยึดอำนาจ ผลก็คือเมื่อมีการเลือกตั้ง คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญทำให้พรรคเล็กพรรคน้อยที่ได้เสียงต่ำกว่าค่าเฉลี่ย หรือ ส.ส.พึงมี กลายเป็น ส.ส. ไปช่วยเหลือภาวะเสียงปริ่มน้ำของรัฐบาลสืบทอดอำนาจหลังเลือกตั้งได้ ถือเป็นการพลิกผันบิดเบือนเจตจำนงค์ของประชาชน
ก้าวไกล ชี้กลุ่มคนส่งอาหารเดลิเวรี่ ได้รับค่าตอบแทนไม่เป็นธรรม-ไร้สวัสดิการ
ประการต่อมา ในรายงานระบุให้ ศาลรัฐธรรมนูญต้องการพิจารณาคดีโดยเปิดเผย แต่ความเป็นจริง กรณียุบพรรคไทยรักษาชาติ ถามว่าได้ให้โอกาสแสดงหลักฐานหรือไม่ หรือความจริงคือการตัดหลักฐานแล้ววินิจฉัยเลย กรณีการยุบพรรคอนาคตใหม่ ได้เปิดโอกาสให้แสดงพยานหรือไม่ ความจริงคือมีการตัดพยานออกแล้วยุบพรรคเช่นกัน
การพิจารณาเช่นนี้ ทำให้นักศึกษาออกมาเคลื่อนไหวจนถึงปัจจุบัน เพราะจุดเริ่มต้นที่นักศึกษาเห็นคือความไม่ชอบธรรมที่มาจากศาลรัฐธรรมนูญแห่งนี้ ศาลรัฐธรรมนูญจะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้หากมีวิกฤต มีการปราบ มีการฆ่ากันตาย เพราะนี่คือต้นเหตุอันมาจากความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นโดยศาลรัฐธรรมนูญ
ตอนนี้ศาลรัฐธรรมนูญก็ยังคงอยู่ แต่มีตุลาการชุดใหม่ 5 ท่าน จึงอยากให้ช่วยแก้ไขภาพลักษณ์ จะกล้าหรือไม่ที่จะสร้างความยุติธรรมในประเทศ โดยมีจุดยืนถึงประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน และคำนึงถึงความยุติธรรมด้วย
คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญส่งผลกระทบอันไพศาลต่อสังคมไทยทั้งยังเป็นเสมือนฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้นักศึกษาและประชาชนทนไม่ไหว จึงลุกต้องขึ้นมาตั้งคำถามต่อความยุติธรรมกระทั่งขยายความโกรธเกรี้ยวออกไปสู่การตั้งคำถามต่อปัญหาเชิงโครงสร้างมิติอื่นในประเทศนี้