ศิริกัญญา ก้าวไกล ชี้ เศรษฐกิจติดลบ! คลังเสี่ยงถังแตกอีกรอบ ในปี 64

ศิริกัญญา ก้าวไกล – ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส. พรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กถึง วิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดจากโควิดกำลังส่งผลต่อสถานการณ์คลังของประเทศ ที่แนวโน้มสูงว่าการจัดเก็บรายได้ปี 64 จะต่ำกว่าเป้า กู้ทะลุเพดาน โดยระบุว่า

วิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดจากโควิดกำลังส่งผลต่อสถานการณ์คลังของประเทศ จากเอกสารมติคณะรัฐมนตรีได้เปิดเผยเอกสารจากกระทรวงการคลังว่า ว่าปีนี้จะจัดเก็บรายได้ต่ำกว่าเป้าเกือบ 4 แสนล้านบาท ส่งผลให้ระดับเงินคงคลัง ณ สิ้นปีงบประมาณ เหลืออยู่เพียงไม่ถึง 1.4 แสนล้านบาท

ณัฐชา ก้าวไกล เปรียบกระแส รัฐประหาร สัญญานกลัวของกองทัพ

เจี๊ยบ ก้าวไกล ลั่น รมต.กระทรวงศึกษาธิการ ลาออกเถอะ! หลังร่วม หนูรู้หนูมันเลว

ถ้าไม่ขยายวงเงินกู้ใดๆ และจะกระทบต่อการเบิกจ่ายของหน่วยงานในช่วงเดือนตุลาคมนี้ ที่จะมีการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณของหน่วยงานต่างๆ จึงจำเป็นต้องขยายวงเงินกู้ออกไปจนเต็มเพดานที่จะกู้เพื่อชดเชยขาดดุลงบประมาณได้ เป็นวงเงิน 214,093 ล้านบาท

พิจารณ์ ก้าวไกล ชี้!ซื้อ เรือดำน้ำ เป็นไปตาม พรบ.งบ63 กมธ.ไม่มีอำนาจยกเลิก

น่าตั้งข้อสังเกตว่า ถึงจะกู้เต็มพิกัด ใช้เงินคงคลังจนหมดเกลี้ยงก็อาจจะไม่เพียงพอที่จะชดเชยรายได้ที่หายไป ก็คงต้องไปลุ้นให้หน่วยราชการเบิกจ่ายไม่ทัน และรอกู้เงินจากวงเงินของปีงบประมาณถัดไป หรือไม่ก็ใช้วงเงินบริหารสภาพคล่องเงินคงคลังที่ให้ไว้ 3% ของงบประมาณรายจ่ายตามกฎหมาย ราว 90,000 ล้านบาท มาแก้ขัด

ถึงมีวงเงินก็ใช่ว่าจะกู้ได้ตามใจ หลังจากที่มีการออกพ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท กระทรวงการคลังต้องหันมากู้จากสถาบันการเงินบ้าง กู้จากประชาชนผ่านพันธบัตรออมทรัพย์บ้าง กู้เป็นเงินตราต่างประเทศผ่านธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชียหรือเอดีบีบ้าง ทั้งๆ ที่ต้องจ่ายดอกเบี้ยในอัตราที่สูงกว่าอัตราผลตอบแทนตลาดก็เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ไปแย่งชิงสภาพคล่องจากตลาดการเงิน ซึ่งจะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยในตลาดตราสารหนี้ทั้งรัฐและเอกชนสูงขึ้น

สถานการณ์ที่เกิดขึ้น ถ้าจะให้ความเป็นธรรมกับทางรัฐบาลก็ต้องบอกว่ามันเป็นเหตุสุดวิสัยที่พอเข้าใจได้ว่าประเทศกำลังตกอยู่ในวิกฤตเศรษฐกิจ เศรษฐกิจที่ถดถอยจากผลการแพร่ระบาดย่อมทำให้รัฐเก็บภาษี และรายได้รัฐวิสาหกิจได้น้อยลง

แต่เป็นเรื่องที่ไม่น่าจะรับได้ถ้าเหตุการณ์เช่นนี้กำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้งในปีงบ 64!

ประมาณการรายได้ที่ปรากฏในเอกสารงบประมาณนั้นทำขึ้นตั้งแต่เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2563 เป็นช่วงเริ่มต้นของการแพร่ระบาดของโควิด-19 จึงอยู่บนพื้นฐานของสมมุติฐานว่าเศรษฐกิจปี 63 จะติดลบเพียง -5.5% และเศรษฐกิจปี 64 จะโต 5% เรียกได้ว่าสภาพัฒน์คาดว่าเศรษฐกิจจะทำรีบาวนด์กลับมาได้ภายใน 1 ปี จึงตั้งเป้าไว้ว่าจะจัดเก็บรายได้ได้ 2.67 ล้านล้านบาท และตั้งงบประมาณขาดดุล โดยกู้เพื่อชดเชย 623,000 ล้านบาท และไม่มีปรับเป้ารายได้ลงอีกเลยตั้งแต่เดือนมีนาคม

แต่จากตัวเลขการคาดการณ์ล่าสุดของสภาพัฒน์ เศรษฐกิจปี 63 จะติดลบถึง -7.5% ส่วนปี 64 ยังคาดการณ์ไว้ที่เติบโต 5% เท่าเดิม นั่นคือขนาดเศรษฐกิจจะยังกลับมาเท่ากับปี 62 ในอีก 2 ปีข้างหน้า จึงมีแนวโน้มสูงว่าการจัดเก็บรายได้ปี 64 จะต่ำกว่าเป้า และประมาณการเงินกู้เพื่อชดเชยขาดดุลก็จะสูงกว่า 623,000 ล้านบาท ในขณะที่เพดานการก่อหนี้เพื่อชดเชยขาดดุล อยู่ที่ 739,000 ล้านบาท เท่ากับว่าหากจัดเก็บรายได้ต่ำกว่าเป้าหมายเพียง 4% ก็จะกู้ทะลุเพดานทันที เราก็จะวนกลับไปเจอปัญหาเหมือนปี 63 อีกครั้งที่เก็บภาษีหลุดเป้า กู้ชนเพดานก็ไม่รู้ว่าจะเพียงพอกับรายจ่ายหรือไม่

ปี 63 เกิดโควิดกลางปีงบประมาณยังพอให้อภัยได้ แต่ปี 64 รัฐบาลมีโอกาสที่จะแก้ไขปรับเป้าหมายรายได้หลายครั้งแต่ก็ไม่ทำ ปล่อยให้เป็นระเบิดเวลาที่รอวันปะทุในปีงบประมาณหน้า

ในเมื่อรัฐบาลไม่ยอมปรับเป้ารายได้ ก็มีอีกทางคือการปรับลดรายจ่าย คณะกรรมาธิการงบปี 64 จึงมีมติปรับลดวงเงินงบประมาณลงจากเดิม 3.3 ล้านล้านบาท เป็น 3.28 ล้านล้านบาทเศษ กล่าวคืองบประมาณที่ปรับลดได้ในปีนี้เกือบ 32,000 ล้านบาท เมื่อแปรเพิ่มให้กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ให้เป็นเงินชดเชยภาษีที่ดินที่หายไปกับองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นเงินเดือนบุคลากรทางการแพทย์ที่เพิ่งบรรจุแต่ไม่ได้ตั้งงบไว้ เป็นงบก่อสร้างสถานที่นั่งพักสำหรับประชาชนให้กับศาลยุติธรรม งบที่เหลือก็ถือว่าพับไป นับว่าเป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปีที่กรรมาธิการงบประมาณปรับลดวงเงินรวมของงบประมาณรายจ่าย แม้จะไม่มากแต่ก็ถือว่าได้ช่วยบรรเทาปัญหาได้บ้าง

แน่นอนว่าเราเข้าใจดีถึงความจำเป็นของบทบาทการใช้จ่ายภาครัฐในยามวิกฤต แต่ในเมื่อรัฐบาลวางแผนงบประมาณไว้ไม่ดีพอ ไม่ได้คำนึงถึงการจัดเก็บรายได้ที่อาจพลาดเป้า ประกอบกับโครงการต่างๆ ที่มาขอแปรเพิ่มก็ยังเป็นโครงการที่ไม่ได้ตอบโจทย์วิกฤตเศรษฐกิจอันเนื่องมาจากพิษโควิด จึงเป็นที่มาของการปรับลดวงเงินงบประมาณภาพรวมในครั้งนี้ค่ะ

ข่าวล่าสุด

ดูทั้งหมด

ผิดแค่ไหน! พ่อค้าร้านขาหมูประกาศหยุดขาย หลังถูกร้องเรียนเสียงดัง

พ่อค้าร้านข้าวประกาศ หยุดขายขาหมู หลังเพื่อนบ้านร้องเรียน สับหมูรบกวนเสียงดัง ล่าสุดเทศบาลนัด 2 ฝ่ายไกล่เกลี่ยพรุ่งนี้

สพฐ. แจงปม ผอ.โรงเรียนหวงเก้าอี้ ที่ร้อยเอ็ด ชี้! ผิดวินัยไม่ร้ายแรง

สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เผยผลสรุป ผอ.โรงเรียนหวงเก้าอี้ พบผิดวินัยไม่ร้ายแรง เตรียมลงดาบทางวินัย แต่ให้โอกาสปรับปรุงตัว

ณเดชน์ ใจวูบ! หลังเห็นกระแสข่าว เลื่อนงานแต่ง พร้อมขอโทษ ญาญ่า

ณเดชน์ คูกิมิยะ ถึงกับใจวูบ! หลังเห็นกระแสข่าว เลื่อนงานแต่ง บานปลายสร้างความเข้าใจผิด พร้อมขอโทษ ญาญ่า อุรัสยา

แชร์สนั่น! “ซีอิ๊วขาวแบบเม็ด” นวัฒกรรมใหม่เด็กสมบูรณ์ พกง่าย ละลายเร็ว

ชาวเน็ตอึ้ง! เด็กสมบูรณ์เปิดตัว “ซีอิ๊วขาวแบบเม็ด” นวัฒกรรมใหม่ ของซีอิ๊วขาว มาพร้อมกับสโลแกน พกสะดวก ละลายไวใน 5 วินาที

ป๊ายปาย โอริโอ้ โพสต์ยินดี สมรสเท่าเทียมผ่าน เผยเป็นวันที่รอคอยมานาน

ป๊ายปาย โอริโอ้ โพสต์ข้อความร่วมยินดี เมื่อสมรสเท่าเทียมผ่านครม. พร้อมเผยเป็นวันที่รอคอยมานานมาก โลกเปิดกว้าง ไม่จำกัดเพศ
ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า