ม็อบ30ตุลา นายวุฒิสาร ตันไชย เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า กล่าวภายหลังการหารือร่วมกับนักวิชาการผู้ทรงคุณวุฒิของสถาบันพระปกเกล้าเพื่อออกแบบโครงสร้างและรูปแบบวิธีการทำงานของคณะกรรมการปรองดองสมานฉันท์ ตามที่ได้รับมอบหมายจากนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ว่า สถาบันพระปกเกล้าในฐานะเป็นหน่วยงานกำกับของประธานรัฐสภามีหน้าที่หาคำตอบให้กับสภาเท่านั้น ไม่ได้เป็นฝ่ายดำเนินการเองทั้งหมด
ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างคิดค้นโครงสร้างที่เหมาะสม โดยเฉพาะโครงสร้างกรรมการปรองดองในอดีตและข้อเสนอที่เกิดขึ้นจากการอภิปรายหาทางออกร่วมกันของรัฐสภาเมื่อวันที่ 26-27 ต.ค. ที่ผ่านมาว่ามีอะไรบ้าง ก่อนจะรวบรวมเสนอต่อประธานรัฐสภา อย่างเร็วสุดในวันที่ 2 พ.ย.นี้ โดยจะเสนอให้เห็นว่าโครงสร้างแต่ละโครงสร้างมีข้อดีข้อเสีย และข้อจำกัดอย่างไรบ้าง รวมถึงข้อห่วงใยของสถาบันฯ
ทั้งนี้ ยอมรับว่าเงื่อนไขการตั้งคณะกรรมการปรองดองครั้งนี้ ยังไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจนว่าต้องการไปถึงจุดไหนอย่างไร อะไรที่เป็นเนื้อหาที่ต้องเอามาพูดคุยบ้าง ดังนั้นสถาบันฯ ออกแบบได้เพียง โครงสร้างและวิธีการทำงานในเชิงหลักการวิชาการเท่านั้น รวมถึงรวบรวมประสบการณ์จากต่างประเทศมานำเสนอด้วย
ส่วนโครงสร้างกรรมการชุดนี้จะมีองค์ประกอบใดบ้าง เป็นเรื่องที่ประธานรัฐสภาต้องกลับไปหารือผู้เกี่ยวข้อง สถาบันพระปกเกล้ามีหน้าที่เสนอทางเลือกต่าง ๆ ให้เท่านั้น
ส่วนการนำรูปแบบการตั้งคณะกรรมการปรองดองในอดีตมารวบรวมเป็นข้อเสนอ นั้น ที่ผ่านมามีการตั้งคณะกรรมการลักษณะนี้แล้วหลายครั้ง เช่น คณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมืองและศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ชุดที่มีนายดิเรก ถึงฝั่ง เป็นประธาน ,คณะกรรมการค้นหาความจริงที่มีนายคณิต ณ นคร เป็นประธาน หรือคณะกรรมการปฏิรูปประเทศ ที่มีนายอานันท์ ปันยารชุน เป็นประธาน ซึ่งการทำงานของแต่ละคณะ มีบรรยากาศและสถานการณ์ที่ไม่เหมือนกัน เพื่อให้เห็นเงื่อนไขในแต่ละด้าน
ส่วนกรณีที่นายชวน เสนอให้มีทุกฝ่ายเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการปรองดองฯ นั้น เห็นว่าโดยหลักการแล้ว สถานการณ์ตอนนี้สิ่งสำคัญคือต้องมีพื้นที่ให้แต่ละฝ่ายได้รับฟังกัน ซึ่งถือเป็นเรื่องเร่งด่วน แต่ไม่บอกเปิดเผยเนื้อสาระ โดยขอให้ฟังการชี้แจงของนายชวน ยืนยันว่าการรวบรวมทางออกครั้งนี้ ไม่ได้รวบรวมจากงานของสถาบันพระปกเกล้าเท่านั้น แต่รวมถึงประสบการณ์ที่เป็นประวัติศาสตร์ที่แต่ละรัฐบาลมีมาด้วย
นายวุฒิสาร ย้ำว่า เงื่อนไขสำคัญของการออกแบบโครงสร้างคณะกรรมการสมาฉันท์ฯ ครั้งนี้ คือทำแล้วต้องให้มีความเชื่อมั่นว่าสามารถแก้ไขปัญหาได้จริง ส่วนการคัดเลือกตัวบุคคลเข้ามาร่วมเป็นคณะกรรมการปรองดองฯนั้น ยืนยันว่ายังไม่มีการกำหนดรูปแบบหรือทาบทามบุคคลใดตามที่เป็นข่าว เพราะไม่มีหน้าที่ในการทาบทามตัวบุคคล เนื่องจากการแต่งตั้งบุคคลเป็นอำนาจประธานรัฐสภา อีกทั้งยังไม่ทราบใครจะเป็นคนแต่งตั้ง