กรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว เสนอให้รัฐบาลใช้ 4 กำแพง กั้นโกง พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้าน พร้อมกับแสดงความมั่นใจว่าใช้ได้ผลแน่นอน เนื่องจากตนเคยมีประสบการณ์สมัยฟื้นฟูเศรษฐกิจประเทศในช่วงวิฤติแฮมเบอร์เกอร์ เมื่อปี 2552-2553 โดยนายกรณ์ ระบุภายในโพสต์ว่า
“พรุ่งนี้ วันพุธที่ 27 พฤษภา’ สภาฯ จะพิจารณา พรก. เงินกู้ 1 ล้านล้านซึ่งเป็นการกู้เงินครั้งประวัติศาสตร์ของประเทศไทย 5 วันเต็ม ทั้งในแง่จำนวนมูลค่า และความสำคัญในการนำมาใช้ดูแลคนไทยจากวิกฤติโรคระบาดที่ไม่มีใครคาดคิด
ผมได้แสดงความเห็นชัดเจนแต่แรกว่า “ผมสนับสนุนการกู้ด้วยอำนาจพิเศษนี้ 600,000 ล้านบาท เพื่อเยียวยาประชาชนที่เดือดร้อนแสนสาหัสจากภัยโควิด”
แต่รัฐบาลได้แบ่งส่วนเงินกู้ไว้อีก 400,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจทั่วไป ซึ่งเป็นการใช้เงินที่มีกติกาการใช้เงินที่กว้าง และสุ่มเสี่ยงต่อการรั่วไหล เพราะการใช้อำนาจ พ.ร.ก. นั้นไม่มีสภาฯ กลั่นกรองความเหมาะสมของโครงการเหมือนการใช้เงินงบประมาณปกติ
ผมเอง เคยผ่านประสบการณ์การใช้เงินกู้โดยพ.ร.ก.มาก่อนในสมัยที่เราใช้ พ.ร.ก. ไทยเข้มแข็ง ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจในวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ เมื่อปี 2552-2553 จนสำเร็จ
จากประสบการณ์นั้น ผมขอเสนอ ‘4 กำแพง’ เพื่อปกป้อง และป้องกันการใช้เงินภาษีประชาชนส่วนนี้ให้มีความคุ้มค่าที่สุด ลดโอกาสทุจริต ซึ่งจะเป็นภูมิคุ้มกันให้แก่รัฐบาลได้เอง หากมองว่า การป้องกันทุจริตคอร์รัปชั่นคือสิ่งสำคัญ
‘4 กำแพง’ นี้คือ
1. รัฐบาลต้องให้ ‘ACT : องค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น’ ส่งตัวแทนอย่างน้อย 2 คน มาร่วมทำหน้าที่เป็นกรรมการกลั่นกรองโครงการ โดยให้กรรมการจากภาคีนี้มีอำนาจในการออกเสียงเท่ากับกับกรรมการสายราชการ (ที่ปกติจะทำตามรัฐมนตรีที่มาจากการฝั่งการเมือง)
2. กระทรวงการคลัง ควรทำ website เสนอข้อมูลต่อสาธารณะ โดยระบุรายละเอียดโครงการที่ทุกหน่วยราชการนำเสนอ และทุกโครงการที่ได้รับการพิจารณา รวมไปถึงรายชื่อผู้เสนอโครงการ ราคากลาง และราคาประมูลของผู้ประมูลทุกราย และรายละเอียดแผนการดำเนินงานของแต่ละโครงการ ซึ่ง 10 ปีที่แล้วผมเคยทำเอาไว้เป็นตัวอย่าง
3. รัฐบาลควรจัดงบประมาณเพื่อสนับสนุนการเปิดรับเบาะแสการทุจริตการใช้เงินกู้ (พร้อมเงินรางวัล)
4. รัฐบาลควรต้องมีการรายงานผลการใช้งบทุกสามเดือน ชี้แจงผลการฟื้นฟูจากภัยโควิดทางเศรษฐกิจตามรายละเอียดในพรก.ทุกโครงการที่ใช้เงินกู้
ผมเชื่อว่า ‘4 กำแพง’ นี้ จะช่วยคุ้มกันรัฐบาลเอง และจะช่วยปกป้องเงินภาษีของประชาชนให้มีการใช้เงินอย่างมีประสิทธิภาพ และมีความโปร่งใส
ประเทศไทยของเรามีวิกฤติโรคระบาดหนักมากพอแล้ว อย่าให้การคอร์รัปชั่นจากการใช้งบแบบ ‘พิเศษ’ เปิดช่องทุจริตจนเป็นวิกฤติการเมืองมาซ้ำเติม
รัฐบาลทำได้ทันทีด้วยหลักของ #4กำแพง นี้ครับ”