เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2563 นาย กรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า ได้ลงพื้นที่ วิสาหกิจชุมชนชุมพวง จ.นครราชสีมา รวมตัวกันปลูก ‘หญ้าเนเปียร์’ เพื่อจำหน่ายให้แก่โครงการโรงไฟฟ้าชุมชน โดยหญ้าเนเปียร์จะถูกนำไปหมักเพื่อผลิตเป็นไบโอก๊าซ และนำก๊าซไปผลิตไฟฟ้า นายกรณ์กล่าวว่า วันนี้เดินทางมาโคราช มี 2 วัตถุประสงค์หลัก วัตถุประสงค์แรกก็คือ ไปดูโครงการพลังงานชีวมวล พลังงานชุมชนที่จะเป็นการร่วมมือกันระหว่างกับชาวบ้านที่เป็นเกษตรกร จะเปลี่ยนจากชีวิตจากการทำนามาเป็นชีวิตการผลิตเกษตรพลังงานก็คือ ปลูกหญ้าเนเปียร์ ซึ่ง อาจทำให้เขามีรายได้ ได้เพิ่มขึ้น เกือบๆ 40 เท่าเทียบกับการทำการเกษตรปลูกข้าว ในขณะเดียวกัน โครงการไฟฟ้าชุมชนนั้นก็จะช่วยบำบัดน้ำเสียที่เกิดจากโรงแป้งในบริเวณใกล้เคียงด้วย ทำให้ชาวบ้านมีน้ำทำการเกษตรซึ่งน้ำ ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่
นายกรณ์กล่าวต่อว่า วันนี้ก็จะเห็นว่ามีการขุดบ่อบาดาล ซึ่งสาเหตุที่มีความจำเป็นเพราะว่ามันแล้ง มา 2 ปีติดต่อกัน เป็นปัญหากับพี่น้องเกษตรกรอย่างมาก เราก็เลยมาศึกษาดูว่ามีวิธีการอย่างไร ที่พรรคกล้าสามารถที่จะกำหนดนโยบายเพื่อที่จะช่วยให้เกษตรกรไทยมีน้ำใช้ได้ทั้งปี นั่นต้องเป็นเป้าหมาย ส่วนต้นทุนน้ำของไทยเรามีเพียงพอ ในพื้นที่อีสานเองก็ตามปริมาณน้ำฝนมีมากมายแต่ว่าระบบในการเก็บกักน้ำของเรายังไม่ดีพอและที่สำคัญก็คือชาวบ้านโดยเฉพาะชาวบ้านนอกเขตชลประทานยังเข้าไม่ถึงน้ำในส่วนนี้ ตรงนี้มีผลอย่างมากต่อโอกาสการทำมาหากิน เพราะฉะนั้นไม่มีเรื่องไหนสำคัญกว่าเรื่องน้ำแล้ว ก็เลยต้องการที่จะมาดูพื้นที่เพื่อศึกษาจากข้อเท็จจริงครับ
นายกรณ์กล่าวว่า เรื่องของเกษตรพลังงานถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ผ่านมาเราจะเห็นว่าประเทศไทยเราในแง่ของนโยบายพลังงานจะเน้นการสร้างโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ และก็ต้องใช้แหล่งพลังงานเป็นแก๊สบ้างเป็นถ่านหิน เป็นน้ำมันเตาบ้าง ซึ่งระยะหลังแก๊สเราก็เริ่มจะหมดต้องมีการนำเข้าสูญเสียเงินตราต่างประเทศอีกต่างหาก ทั้งๆที่ ด้วยความที่เราเป็นประเทศการเกษตรผลผลิตทางการเกษตรสามารถที่จะใช้เป็นเชื้อเพลิงการปั่นไฟ ได้เป็นอย่างดีแล้วก็เป็นรายได้เสริมให้เกษตรกรด้วยอีกไม่ว่าจะเป็นแกลบ เศษไม้หรือในกรณีที่เราเพิ่งไปดูโครงการมาคือการเปลี่ยนจากการปลูกข้าวมาปลูกหญ้าเนเปียร์เพื่อที่จะมีสัญญาขายที่มั่นคงยั่งยืนให้กับผู้ประกอบการตามโครงการของรัฐบาลซึ่งเหล่านี้เป็นช่องทางที่เราต้องสืบค้นเพื่อช่วยเกษตรกรมีทางเลือกมีคุณภาพชีวิตที่มั่งคั่งอย่างยั่งยืนมากยิ่งขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า ตอนนี้พรรคกล้าเริ่มลงพื้นที่ทำงานแล้วใช่หรือไม่ นายกรณ์กล่าวว่า จริงๆก็เริ่มแล้วทั้งๆที่ยังไม่เป็นพรรคการเมืองอย่างเป็นทางการ ยังรอทาง กกต.อนุมัติการจดทะเบียนพรรคกล้าให้เป็นพรรคการเมืองอย่างเป็นทางการอยู่ แต่เราก็สร้างเครือข่ายเราไปทั่วประเทศ ด้วยหลักปฏิบัตินิยมของเราก็คือเราสื่อสารปากต่อปากไปเรื่อยๆว่าเรามาเพื่อลงมือทำ มองว่าความขัดแย้งทางการเมืองที่ปรากฏตลอด10ปีที่ผ่านมา ไม่ได้ช่วยทำให้ความเป็นอยู่ของคนไทยดีขึ้น เราไม่เชื่อว่ามันจะช่วยทำให้ประเทศไทยของเราสามารถที่จะก้าวหน้าหรือพัฒนาได้ เพราะฉะนั้นสิ่งเดียวที่จะทำได้คือการลงมือทำกับเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนจริงนั่นก็คือแนวการทำงานและก็แนวความคิดของทางพรรคกล้า
