ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ เด็ดขาด “กร ทัพพะรังสี” อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
วันที่ 2 ตุลาคม 2562 เว็บไซต์ ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ เรื่องคําสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด โดยมีเนื้อหาระบุว่า ด้วย นายธงชัย ลํ่าซํา โจทก์ ได้ยื่นฟ้องต่อศาลล้มละลายกลางขอให้จําเลยล้มละลาย และศาลได้มีคําสั่งลงวันที่ 11 ก.ย.2562 ให้พิทักษ์ทรัพย์ของนาย กร ทัพพะรังสี จําเลย เด็ดขาด ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 แล้ว
ดังนั้น นับแต่วันที่ศาลมีคําสั่ง เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แต่ผู้เดียว มีอํานาจจัดการเกี่ยวกับกิจการ และทรัพย์สินของลูกหนี้ตามมาตรา 22 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483
และบุคคล ผู้เป็นหนี้ ลูกหนี้หรือมีทรัพย์สินของลูกหนี้อยู่ในครอบครอง มีหน้าที่ต้องแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับหนี้หรือทรัพย์สินของลูกหนี้ให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทราบ ภายในหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ได้ทราบคําสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
ตามมาตรา 24/1 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 ซึ่งผู้ใดมีหน้าที่ตาม มาตรา 24/1 แล้วไม่ปฏิบัติตาม มีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองแสนบาท ตามมาตรา 173/1 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483
ประกาศ ณ วันที่ 2 ตุลาคม พ.ศ.2562
เบญจา สุภานนท์
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
สำหรับ นาย กร ทัพพะรังสี เคยดำรงตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
นาย กร ทัพพะรังสี เคยเป็นหัวหน้าพรรคชาติพัฒนาในปี พ.ศ. 2541 หลังจากถึงแก่อสัญกรรมของ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ หลังการเลือกตั้งในปี พ.ศ. 2548แล้ว ซึ่งพรรคไทยรักไทยได้เสียงข้างมาก นายกรได้ลาออกจากพรรคชาติพัฒนาและเข้าสังกัดกับทางพรรคไทยรักไทย
เมื่อถึงคราววิกฤตการณ์การเมืองในประเทศไทย พ.ศ. 2548-2550 เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้ยุบสภาลงในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2549 แล้ว นายกรก็ได้ลาออกจากพรรคไทยรักไทยและทุกตำแหน่งทันทีในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ คือวันรุ่งขึ้นเลย และยุติบทบาททางการเมืองไปชั่วระยะหนึ่ง จนกระทั่งเข้ามาเป็นสมาชิกพรรคประชาราช ซึ่งนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประกาศจะสนับสนุนนายกรให้เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ในปลายเดือนตุลาคม พ.ศ. 2550 นายกรได้ลาออกจากพรรคประชาราช กลับไปเป็นสมาชิกพรรคชาติไทยอีกครั้ง