วันที่ 14 มิถุนายน 2563 ผู้กองมาร์ค หรือ ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ อำนรรฆสรเดช กรรมการกิจการพิเศษ และหัวหน้าศูนย์ข้อมูลสารสนเทศ พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่าในช่วงนี้นักการเมืองแต่ละพรรคได้มีโอกาสลงพื้นที่ เพื่อพบปะกับประชาชนและได้รับฟังเสียงบ่นถึงปัญหาภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอย และยังไม่เห็นนโยบายในการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลที่ชัดเจน สำหรับการที่จะนำมาเพื่อแก้ไขวิกฤตในครั้งนี้ ซึ่งในช่วงนี้เราจึงมักจะได้ข่าวว่าทั้งพรรคฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลได้มีการปรับทัพครั้งใหญ่ โดยหลายพรรคการเมืองได้เริ่มปรับและเปลี่ยนกลยุทธ์ และวางแนวทางยุทธศาสตร์การเลือกตั้งของตนเองขึ้นใหม่ เพื่อที่จะตอบสนองเสียงสะท้อนที่เริ่มดังขึ้นแบบทวีคูณ
ทั้งนี้ การปรับทัพดังกล่าวนั้น เพื่อที่จะตอบสนองความต้องการของประชาชนในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ให้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น ประกอบกับการที่รัฐธรรมนูญปี 2560 เปิดช่องให้พรรคเล็กที่ได้คะแนนเสียงจำนวนน้อยก็สามารถที่จะเข้ามาเป็น ส.ส. ในสภาฯ ได้ จึงทำให้ทุกพรรคต้องเร่งวางมาตรการปรับทัพให้ทันต่อสถานการณ์ในปัจจุบัน
ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ กล่าวว่า กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เตือนว่า ผลกระทบของโรคโควิด-19 จะทำให้เศรษฐกิจโลกปีนี้อาจหดตัวลงร้อยละ 3 ซึ่งแน่นอนว่าทุกประเทศนั้น จะต้องเร่งแก้ไขปัญหาภายในประเทศของตนเองก่อน ประเทศไทยก็เช่นกัน ดังที่หลายคนคงทราบดีอยู่แล้วว่าประเทศไทยนั้นพึ่งรายได้จากต่างประเทศมากเกินไป ทั้งในเรื่องของการส่งออก และการท่องเที่ยว ดังนั้น รัฐบาลจึงควรที่จะเร่งเดินหน้าเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างเร่งด่วน เช่น 1. ก่อนเปิดประเทศ ควรอัดฉีดเงินในระบบสาธารณสุขให้เพิ่มขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการระบาดของโควิด-19 รอบ 2 และเปิดให้ประชาชนสามารถตรวจสอบการใช้เงินงบประมาณผ่านระบบออนไลน์ได้แบบตามเวลาจริง 2.สร้างงานที่มีรายได้สูง เพื่อเพิ่มกำลังซื้อภายในประเทศ
- ให้การสนับสนุนด้านการเงินแก่ธุรกิจต่างๆ (จากธนาคารภาครัฐถึงประชาชนโดยตรง) เพื่อเพิ่มกระแสการหมุนเวียนของระบบเศรษฐกิจ โดยเฉพาะธุรกิจขนาดเล็ก, ขนาดกลางและลูกจ้าง 4. รัฐควรมีแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจที่มีเป้าหมายชัดเจนและตรงจุด เพราะการแจกเงินอาจไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุดเสมอไป ดังนั้นจึงควรที่จะตรวจสอบและวิเคราะห์ความต้องการที่แท้จริงของประชาชน
ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ กล่าวอีกว่า ถ้ารัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องการที่จะอยู่ยาวก็ควรที่จะต้องเร่งแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ควบคู่ไปกับการป้องกันการระบาดของไวรัสโควิด-19 รอบที่ 2 เพื่อที่จะให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และหากเศรษฐกิจดี ก็คงไม่มีใครที่จะออกมา เพื่อขับไล่รัฐบาลอีกต่อไป