นคร มาฉิม ร่ายยาว ชี้ บิ๊กตู่ ประยุทธ์ ลาออกจาก คือตัวปัญหา แนะลาออกก่อนประชาชนจะเบื่อ เพื่อเป็น ของขวัญปีใหม่ ปี 63 ที่ดีที่สุดของคนไทย
เมื่อวันที่ 29 ธ.ค. นายนคร มาฉิม รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ “หาก พล.อ.ประยุทธ์ ลาออกจากการเป็นนายกฯ นั่นจะเป็นของขวัญปีใหม่ที่ดีที่สุดของคนไทยทั้งประเทศ ในปี 2563” มีเนื้อหาดังนี้
กระแส เบื่อนายกฯ แพร่ระบาด ลุกลาม รวดเร็วในหมู่ประชาชน จนเกิดความหวาดหวั่นของระบอบเผด็จการทั้งโครงสร้าง เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ คือสัญลักษณ์ของเผด็จการอำนาจนิยมโบราณที่มีการวิวัฒนาการเป็นเผด็จการสมัยใหม่ ปกครองประเทศไทยและคนไทยด้วยการกดขี่ ข่มเหง เอารัดเอาเปรียบ ไม่มีความเป็นธรรม สร้างความเหลื่อมล้ำที่สุดในโลก ก่อวิกฤตรอบด้านทุกมิติให้กับคนไทย แต่พวกเขาเพียบพร้อมทุกอย่าง
1.กลุ่มทุนผูกขาด มีอำนาจเหนือรัฐ ชี้นำ กำหนดนโยบายเหนือรัฐ สนับสนุนการยึดอำนาจ มีเงินทุนเลี้ยงดูให้ทั้ง ทหาร ข้าราชการประจำ องค์กรอิสระ กระบวนการยุติธรรม ให้อยู่ในคอนโทรล ประชาชนถูกมองเป็นเพียงทาสที่คอยสร้างกำไรให้กับทุนผูกขาดเหล่านี้ คนยากคนจนถูกนับเป็นรายหัวโปรยทานในนามบัตรประชารัฐ เพื่อเป็นฐานคะแนนระบอบเผด็จการ เป็นตัวผ่านเงินงบประมาณให้ทุนผูกขาดเหล่านี้ร่ำรวยมหาศาล จากการรูดบัตรคนจนซื้อสินค้า
2.พวกขุนศึก พวกเขามีปืน มีอำนาจมากที่สุดในการเมืองไทย อวดอ้างความจงรักภักดีต่อสถาบัน อ้างว่าเสียสละปกป้องคุ้มครองประชาชน แล้วใช้เป็นข้ออ้างในการยึดอำนาจปล้นอำนาจของประชาชน ทำลายประชาธิปไตยตลอดเวลาเกือบร้อยปี นายพลเหล่านี้ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันร่ำรวยอย่างไร้ที่มาของเงิน ไม่มีฐานธุรกิจรองรับ แต่รวยเป็นพันล้าน หมื่นล้าน บนความล้าหลังของแผ่นดิน พวกเขาพยายามสร้างประเทศไทยให้เป็นแบบรัฐบาลเผด็จการทหารพม่าในอดีต
3.พวกศักดินา อำมาตย์ ชนชั้นสูง ที่สมคบคิด สมประโยชน์ เกี่ยวดองกับนายทุนผูกขาด และขุนศึกที่มักใหญ่ใฝ่สูง จะใช้อำนาจผ่านไปยัง คณะรัฐมนตรี ผ่านกระทรวง ทบวง กรม ผ่านอธิบดี ผ่านผู้ว่าราชการจังหวัด ผ่านนายอำเภอ ผ่านกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อบต. สท. อสม. เป็นเครื่องมือ เพื่อควบคุมคนไทยให้อยู่ใต้อาณัติระบอบเผด็จการโบราณตลอดไป
4.พวกข้าราชการระดับสูง พวกองค์กรอิสระ และ พวกศาลบางคนในกระบวนการยุติธรรม ที่สยบยอมรับใช้อำนาจเผด็จการ สมประโยชน์กับเผด็จการ ไม่เคยรับใช้ประชาชน พวกนี้เรียนสูง เป็นคนเก่ง มีประสบการณ์ใช้ความรู้ ความเชี่ยวชาญรับใช้ระบอบเผด็จการอย่างแนบเนียน ในนามกฎหมาย ในนามคำพิพากษา ในนามระเบียบคำสั่ง จนไม่อาจโต้แย้งได้
5.พวกพรรคการเมืองบางพรรค และนักการเมืองบางคนที่หวังเพียงแค่ได้ยศฐาบรรดาศักดิ์ ได้ตำแหน่ง ส.ส. ตำแหน่งรัฐมนตรี ได้ทรัพย์สินเงินทองเฉพาะหน้า พวกเขาร่วมสมคบคิดกับเผด็จการ ร่วมเป็นเสาค้ำยันให้ระบอบเผด็จการสืบทอดอำนาจได้สำเร็จเพื่อปกครอง กดขี่ ข่มเหง คนไทย และประเทศไทยต่อไป
6.ส่วนพวก สมาชิกวุฒิสภา ที่มาจากการแต่งตั้ง พวกนี้เป็นแค่เพียงทายาทอสูรที่คอย สนับสนุนการสืบทอดอำนาจ คอยประจบสอพลอคนแต่งตั้งตนเองเพื่อให้อยู่ในตำแหน่งได้รับเงินเดือน สวัสดิการแล้วรับใช้เผด็จการทรราช โดยไม่แคร์ต่อประชาชน
7.พวกรัฐมนตรี ที่ปรึกษา เลขา รวมถึงบรรดาบอร์ดรัฐวิสาหกิจต่างๆ 56 รัฐวิสาหกิจ ที่ได้รับรางวัลแต่งตั้งจากการรัฐประหาร พวกนี้ก็คือลิ่วล้อบริวารของเผด็จการที่สร้างความเข้มแข็งให้ระบอบเผด็จการ ทั้งหมดคือองคาพยพของระบอบเผด็จการรูปแบบใหม่ที่มีการวิวัฒนาการมาอย่างดี เรียกได้ว่าเป็น ระบอบเผด็จการ นีโอ ฟาสซิสต์ พวกเขาได้ผลประโยชน์ เกื้อกูลกันและกัน มั่นคง มั่งคั่งยั่งยืนเฉพาะกลุ่มพวกเขาที่เสวยสุข บนความล้มเหลวของประเทศ จนเป็นรัฐที่ล้มเหลว บนความทุกข์ยาก ลำบากของประชาชนคนส่วนใหญ่ ตลอดระยะเวลาตั้งแต่พวกเขาทำรัฐประหารด้วยปืนเมื่อปี 2557 และทำรัฐประหารด้วยกฎโจรกบฏในชื่อ รัฐธรรมนูญเผด็จการ คสช.ปี 60 แล้วสืบทอดอำนาจมาถึงทุกวันนี้
สิ่งที่ประชาชนคนส่วนใหญ่ของประเทศได้รับ คือ
1.ปัญหาเศรษฐกิจที่ตกต่ำ อย่างรุนแรง คนตกงาน การค้าการลงทุนติดลบ หนี้สินทั้งภาครัฐและเอกชนโดยเฉพาะภาคครัวเรือน ท่วมหลังคา รอล้มหายตายจาก รอวันล้มละลาย ถูกยึดทรัพย์สิน บ้านแตกสาแหรกขาด
2.ด้านสังคม ยาเสพติดแพร่ระบาดหนักที่สุด อาชญากรรม ลัก วิ่ง ชิง ปล้น การฆ่าตัวตาย การค้ามนุษย์ การค้าประเวณี ธุรกิจสีเทา สีดำ หวยเถื่อนสารพัดเกิดเป็นดอกเห็ด ทุกหย่อมหญ้า ที่สำคัญที่สุด เป็นยุคมืดของประเทศไทย ที่พระพุทธศาสนา พระเถระทุกระดับถูกทำลาย ถูกกระทำย่ำยีมากที่สุด ซึ่งหากสถานการณ์เป็นเช่นนี้อีกไม่นานพระพุทธศาสนาอาจสูญสิ้นไปจากแผ่นดินไทยจากการกระทำของรัฐบาลชุดนี้ และมีลัทธิศาสนาอื่นเข้ามาแทน
3.ด้านการเมือง ภายใต้การปกครองของระบอบเผด็จการที่นำโดย พลเอกประยุทธ์ และรัฐบาลเผด็จการซ่อนรูปนี้ พวกเขาได้ทำลายพรรคการเมือง และนักการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย ทำลายหลักการสิทธิ เสรีภาพ ความเสมอภาค และภราดรภาพในระบอบประชาธิปไตย ยุบพรรคการเมือง ทำลายผู้นำทางการเมืองจนอ่อนเปลี้ยเสียขา ในขณะที่ประชาชนและนักการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยยังไม่เข้มแข็งพอ แต่บนความแข็งแกร่งของเผด็จการและโครงสร้างของระบอบเผด็จการ บนความอ่อนแอของฝ่ายประชาธิปไตย สิ่งที่เกิดขึ้นประชาชนส่วนใหญ่ทุกข์ยาก ลำบาก ความอดอยาก หิวโหย ความเครียดต่อปัญหาสังคม ปัญหาหนี้สิน ความสิ้นหวังต่ออนาคตของตัวเองและลูกหลานภายใต้รัฐบาลประยุทธ์
คนไทยส่วนใหญ่จึงเริ่มเบื่อรัฐบาลเบื่อพลเอกประยุทธ์ เพราะทุกคนได้รับผลกระทบ และสัมผัสได้ถึงความเดือดร้อน ความฝืดเคือง ในการทำมาหากิน ในการดำรงชีวิต เมื่อมีคนเริ่มกล้าแสดงออกว่าตนเองเบื่อหน่ายจึงเป็นกระแสที่หลายคนทั้งประเทศ จะแสดงออกพร้อมกัน ปฏิกิริยาการต่อต้านอาจเกิดขึ้นหลายวิธีเช่น –การแสดงสีหน้าเบื่อ – การชูมือ 3 นิ้วต่อ ต้าน – การชูป้ายประท้วง – การบอยคอต ไม่ซื้อสินค้าบริษัทที่สนับสนุนการยึดอำนาจ หรือบริษัทที่มาสนับสนุนรัฐบาลเผด็จการ – การไม่ยอมเสียภาษีให้กับรัฐบาลที่เขาเห็นว่าไม่มีความชอบธรรมไม่มีความเป็นธรรม มีแต่การทุจริตคอร์รัปชัน และอีกหลายๆ มาตรการ ที่เคยมีปรากฏจากหลายๆประเทศทั่วโลก
การแสดงสีหน้าเบื่อพลเอกประยุทธ์ของสุภาพสตรีท่านหนึ่งที่หมอชิตจึงเป็นปรากฏการณ์ยอดภูเขาน้ำแข็งที่เริ่มปรากฏอันจะเป็นจุดเริ่มต้นต่อการพลังทลายลงของรัฐบาลประยุทธ์ในอีกไม่ช้านี้ จอมเผด็จการ เครือข่ายเผด็จการ และระบอบเผด็จการจึงเริ่มหวาดกลัวว่าพวกเขาจะถูกน้ำคือประชาชนคว่ำเรือเหล็กประยุทธ์ให้จมลง และจะทำให้ระบอบเผด็จการพังทลายลงทั้งระบอบ
ทางที่ดี เพื่อทำคุณไถ่โทษ ยอมสำนึกผิดที่ได้กระทำต่อประชาชน ต่อประเทศชาติ ต่อระบอบประชาธิปไตย พล.อ.ประยุทธ์และคณะรัฐบาลเผด็จการซ่อนรูปในเสื้อคลุมประชาธิปไตย พวกคุณควรคืนอำนาจให้ประชาชน คืนความสุข คืนความเป็นธรรม ให้ประชาชนแล้วลาออกไปเสีย ก่อนที่ประชาชนจะเบื่อถึงขีดสุดแล้วลุกขึ้นมาขับไล่พวกคุณ การลาออกของพลเอกประยุทธ์ จะเป็นของขวัญที่ดีที่สุดของประชาชนและของประเทศไทย ในเทศกาลวันส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ 2563
