วันที่ (29 ก.พ.) น.ส. พรรณิการ์ วานิช อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ และอดีตโฆษกพรรคอนาคตใหม่ ได้โพสต์ข้อความบนเฟชบุ๊กส่วนตัว “Pannika Chor Wanich” แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ครั้งแรกและครั้งสุดท้ายของอนาคตใหม่ โดยระบุว่า
“อภิปรายไม่ไว้วางใจ ครั้งแรกและครั้งสุดท้ายของอนาคตใหม่”
“ในประสบการณ์การทำงานการเมือง ในสภา 2 ปี สัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นช่วงเวลาที่เข้มข้นและเหน็ดเหนื่อยที่สุด การอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นงานใหญ่ที่สุด ในสภาของพรรคฝ่ายค้าน อนาคตใหม่ไม่มีประสบการณ์ในเรื่องนี้มาก่อนเลย เราตั้งใจทำงานอย่างมากพยายามอย่างเต็มที่ เพื่อชดเชยกับจุดอ่อนเรื่องประสบการณ์ของเรา
ทีมพิน็อคคิโอ ถูกตั้งขึ้น 4 เดือนก่อนถึงวันอภิปราย เพื่อให้เรามีเวลาพอ ในการรวบรวมข้อมูล ตรวจสอบความถูกต้อง ทำสคริป และคิดแผนการสื่อสารทั้งก่อน ระหว่าง และหลังการอภิปราย เพื่อให้ข้อมูลได้เปล่งเสียงอย่างทรงพลังที่สุด สร้างแรงสั่นสะเทือนมากที่สุด ไปถึงประชาชนได้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้
ในช่วงโค้งสุดท้ายของการเตรียมการอภิปราย ทุกคนทำงานหนัก แข่งกับเวลา ธนาธร เป็นผู้ดูแลข้อมูล ตรวจสอบความถูกต้องของข้อเท็จจริงต่าง ๆ คุมการซ้อมอภิปรายของทุกคนด้วยตัวเอง ตารางซ้อมอภิปรายถูกปรับเปลี่ยนไปบ้างด้วยคดียุบพรรค และกิจกรรมการเมืองอื่น ๆ แต่เวลาส่วนใหญ่ของพวกเราทุ่มให้กับการอภิปราย เพราะเรื่องยุบพรรคเป็นเพียงอนาคตของพรรค แต่อภิปรายไม่ไว้วางใจเกี่ยวพันกับอนาคตของประเทศ เรื่องหลังจึงมีความสำคัญกว่าอย่างมากเทียบกันไม่ได้
ความท้าทายสำคัญมาถึงทีมพิน็อคคิโอ เมื่อพรรคถูกยุบเพียง 3 วันก่อนถึงวันเปิดอภิปราย เราตัดสินใจว่าเรื่อง 1MDB ต้องถูกนำมาอภิปรายนอกสภา เพราะเรื่องนี้ใหญ่เกินไปที่จะเปลี่ยนผู้อภิปราย ในเวลาเพียง 2-3 วัน จึงกลายเป็นที่มาของอภิปรายไม่ไว้วางใจนอกสภา ที่เปิดประเด็นสร้างความสนใจในสังคมมากมายอย่างที่เราไม่คาดคิดมาก่อน
แม้จะถูกตัดสิทธิทางการเมือง พ้นจากสภาพ ส.ส. แต่หน้าที่ภาระผูกพันในฐานะทีมพิน็อกคิโอยังอยู่ ตลอด 4 วัน ของการอภิปราย เราเฝ้าติดตามสถานการณ์ในสภาอย่างใกล้ชิด เผชิญทั้งสถานการณ์การประท้วงก่อกวน การข่มขู่ฟ้องร้อง การคุกคามแหล่งข่าวที่ให้ข้อมูลกับเรา การผลิตสื่อและเผยแพร่เอกสารประกอบการอภิปรายให้ทันกับความต้องการของประชาชน การอัพเดทข้อมูลให้ผู้อภิปรายจนถึงนาทีสุดท้าย รวมถึงการพยายามบริหารเวลา เพื่อให้ ส.ส. ทุกคนสามารถอภิปรายให้ได้
แต่สถานการณ์ก็เดินทางมาถึงจุด ที่ ส.ส.อนาคตใหม่ 3 คน ไม่ได้อภิปราย และอีก 1 คน โดนตัดเวลาไปครึ่งหนึ่ง เพราะเวลาหมด เราตัดสินใจในวินาทีนั้นว่า จะไม่ให้แทคติกกลไก ในสภามาขัดขวางการนำเสนอความจริงต่อประชาชนคนไทย
การอภิปรายนอกสภาเกิดขึ้นอีกครั้ง ในวันสุดท้ายของการอภิปราย ปกรณ์วุฒิ ปดิพัทธ์ รังสิมันต์ ได้นำเสนอความล้มเหลวของรัฐบาลที่จุดแถลงข่าวใต้ถุนรัฐสภา ปราศจากเอกสิทธิ์คุ้มครอง ปราศจากคำชี้แจงของรัฐมนตรี โชคดีที่มีสื่อมวลชนจำนวนมาก ช่วยกันทำหน้าที่กระจายข้อมูลความจริงไปสู่ประชาชน ทำให้การอภิปรายนอกสภานี้ มีผู้รับชมหลายล้านคน และยังเป็นการอภิปรายที่สุดพิเศษ ทำให้เราได้นั่งฟัง ส.ส. ของเราอภิปรายอย่างใกล้ชิด ได้ให้กำลังใจในแบบที่ไม่อาจทำได้หากพวกเขาอภิปรายในสภา
ในทางนิตินัย พรรคอนาคตใหม่ ไม่มีโอกาสได้อภิปรายไม่ไว้วางใจ รัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เนื่องจากถูกยุบพรรคไปก่อนอภิปราย 3 วัน แต่เราถือว่า ทุกครั้งที่ ส.ส.ของเราลุกขึ้น แล้วกล่าวแนะนำตัวว่าพวกเขา คือ “ผู้แทนราษฎรจากพรรคการเมืองที่ประชาชน 6.3 ล้านคนเลือกมา แต่ถูกศาลรัฐธรรมนูญยุบไป” นั่นคือ ทุกครั้งที่เราภาคภูมิใจว่าเราทำหน้าที่อย่างถึงที่สุด แม้พรรคจะถูกยุบ แต่หน้าที่ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล ในฐานะพรรคฝ่ายค้านจะต้องดำเนินต่อไป ให้สมกับความเชื่อมั่น ความไว้วางใจที่ประชาชนมีต่อเรา”