วันที่ (1 มี.ค.) ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ อำนรรฆสรเดช กรรมการกิจการพิเศษ และหัวหน้าศูนย์ข้อมูลสารสนเทศ พรรค เพื่อไทย เปิดเผยว่า คณะกรรมการกิจการพิเศษฯ ถูกตั้งขึ้นมา 3 เดือนก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีรายบุคคล ซึ่งเราได้เก็บข้อมูลการบริหารราชการของฝ่ายรัฐบาลมาโดยตลอด เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการตรวจสอบ และใช้ในการอภิปรายต่าง ๆ
“เราจะเห็นได้ว่าปัญหาใหญ่ของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา คือ การบริหารบ้านเมืองที่ผิดพลาด ไม่สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้” ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ กล่าว
ทั้งนี้ ยังมีการยุบพรรคอนาคตใหม่ จนทำให้นักเรียน นักศึกษาจากหลากหลายสถาบันไม่พอใจกับกรณีดังกล่าว ส่งผลทำให้มีการออกมาแสดงความไม่พอใจ พร้อมทั้งประกาศจุดยืนของแต่กลุ่ม โดยแสดงให้เห็นถึงพลังที่แท้จริงของประชาชนที่จะนำไปสู่การล้มรัฐบาลได้ และผลในการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมานั้นทางพรรคร่วมฝ่ายค้านตระหนักและรู้ดีอยู่แล้วว่าทางฝ่ายรัฐบาลมีจำนวนเสียง ส.ส. ในสภาฯ ที่มากกว่า จึงยากที่จะล้มรัฐบาลในสภาฯ และเปรียบเสมือนการลงเรือแป๊ะ ยังไงก็ต้องช่วยแป๊ะอยู่ดี
ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ กล่าวอีกว่า รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ถึงจุดขาลงต่ำที่สุด เพราะการที่ไทยเราประสบกับปัญหาเศรษฐกิจที่แย่ลงอย่างต่อเนื่องยาวนานติดต่อกันมาหลายปี นั้น คงจะไม่สามารถแก้ไขได้ง่ายนัก ต่อให้ไวรัสโควิด-19 หายไป ก็ยังทำให้ไทยสูญเสียรายได้หลายแสนล้านบาท แล้วรัฐบาลจะมีแนวทางนโยบายแก้ไขปัญหาการท่องเที่ยวอย่างไรเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนทั้งคนไทยและต่างชาติกลับมาลงทุนได้อีก เพราะหากไม่มีการลงทุน งานก็ไม่เกิด เศรษฐกิจไทยก็ยิ่งแย่ไปใหญ่ ดังนั้น ตนจึงขอเสนอ 5 มาตรการ ทางออกที่รัฐบาลควรจะต้องรีบดำเนินการทำอย่างเร่งด่วน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ดังนี้
- ลดราคาพลังงาน ทั้งน้ำมันและแก๊ส ลดค่าไฟฟ้า สนับสนุนการใช้พลังงานสะอาดให้มากขึ้น โดยการใช้เงินกองทุนน้ำมันให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุดแก่ประชาชน 2. ปรับค่าดอกเบี้ยเงินกู้ให้ลดลง โดยปรับส่วนต่างของดอกเบี้ยเงินฝากกับเงินกู้ ซึ่งเมื่อดอกเบี้ยเงินกู้ลดลง ก็จะทำให้การลงทุนเพิ่มมากขึ้น เพราะปัจจุบันเศรษฐกิจไทยโตขึ้น 2.4% แต่ธุรกิจธนาคารกลับโตขึ้น 30.8% ซึ่งสวนทางเป็นอย่างมาก หากดัชนีการเติบโตของเศรษฐกิจประเทศตกลง อัตราการเติบโตของธนาคารก็ควรที่จะต้องลดลงด้วย
- ตัดงบประมาณกองทัพมาช่วยพัฒนาเศรษฐกิจ เราคงไม่ไปสู้รบกับใครในเวลานี้ แถมอาวุธที่ซื้อมาก็ไม่ได้ทันสมัย พอจะไปรบกับใครก็คงลำบาก กองทัพควรเสียสละคืนเงินงบประมาณประเทศมาพัฒนาเศรษฐกิจก่อน ซึ่งในปัจจุบันเศรษฐกิจของไทยตกต่ำมาหลายปีติดต่อกัน หากเศรษฐกิจไทยดีขึ้น กองทัพไทยก็จะมีงบประมาณที่เพิ่มมากขึ้น สำหรับทำการวิจัยพัฒนาอาวุธยุทโธปกรณ์ได้เอง เพื่อที่จะได้ไม่ต้องไปซื้อจากประเทศอื่น
- สนับสนุนการลงทุน โดยเฉพาะรักษาไม่ให้บริษัทที่มีอยู่ย้ายไปลงทุนที่ต่างประเทศ เพราะตอนนี้มีโรงงานผลิตสินค้าจำนวนมากที่เคยอยู่ไทยได้ย้ายไปต่างประเทศแล้ว เพราะหากยังไม่รีบเดำนินการแก้ไข จะมีคนตกงานเพิ่มขึ้นอีกเกือบ 5 แสนคน 5. สนับสนุนบริษัทเทคโนโลยีของไทยให้เกิดขึ้นและดำรงอยู่อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะหากบริษัททางด้านเทคโนโลยีของเรายังไม่สามารถที่จะแข่งขันกับต่างประเทศได้ ประเทศไทยเราจะตกเทรนด์ และจะไม่สามารถตอบสนองกับความต้องการของตลาดโลกได้ในอนาคต
“รัฐบาลควรที่จะยอมรับถึงจุดอ่อนของตนเอง โดยรีบวางมาตรการแก้ไขปัญหาที่จำเป็น อย่างเร่งด่วนและต่อเนื่อง ถ้ารัฐบาลยังไม่เริ่มดำเนินการใด ๆ พรรคเพื่อไทย พร้อมที่จะทำหน้าที่ตรวจสอบและจะไม่ทำให้คนไทย กว่า 7.92 ล้านคน ที่เลือกเราต้องผิดหวังอย่างแน่นอน” ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม พรรคเพื่อไทย มีคณะทำงานหลายคณะที่จะคอยตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลอย่างต่อเนื่องจริงจัง และพร้อมที่จะนำความจริงออกมาเปิดเผยแสดงให้ประชาชนได้เห็นต่อไป