วันที่ 15 มี.ค. นาย พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวถึงการใช้แอพพลิเคชั่น SydeKick สำหรับใช้ในการติดตามผู้ที่จำเป็นต้องกักกันตัวในบ้าน ว่า แอพพลิเคชั่นดังกล่าวทำมาแล้ว ตั้งแต่วันที่ 12 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยใช้ระบบเอโอทีทั้งหมด ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีทั้งจากบริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และกระทรวงคมนาคม
ทั้งนี้ กรณีของกลุ่มคนที่ใช้แอพพลิเคชั่น มี 2 กลุ่ม คือ นักท่องเที่ยวที่มาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง ได้มีการประสานให้โหลดแอพพลิเคชั่นและกรอกข้อมูล ซึ่งในแอพพลิเคชั่นจะมีการถ่ายรูปพาสปอร์ต บอร์ดดิ้งพาส โดยข้อมูลทั้งหมดจะถูกเก็บไว้ที่กรมควบคุมโรคในช่วงที่จำเป็น ส่วนอีกกลุ่ม เป็นกลุ่มอื่น ๆ ที่เดินทางเข้ามา โดยเราได้ทยอยขอความร่วมมือไป ขณะนี้กำลังประสานกับกระทรวงคมนาคมในการขอความร่วมมือตั้งแต่ต้นทาง เมื่อกลุ่มคนดังกล่าวเดินทางเข้ามาประเทศอาจจะให้มีวิดีโอสั้น ๆ บนเครื่องบิน เพื่อขอความร่วมมือ เมื่อลงจากเครื่องบินให้กรอกข้อมูล เพื่อจะได้ไม่เสียเวลา
นายพุทธิพงษ์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้กำลังประสานกับนักท่องเที่ยวที่อาจจะเริ่มมีปัญหาไม่ได้เตรียมโทรศัพท์มือถือหรือเบอร์ เราจะพยายามประสานสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ อาจจะขอซิมการ์ดฟรี 14 วัน ให้คนกลุ่มดังกล่าว เพื่อให้คนที่เข้าประเทศไทยสามารถสื่อสารกันได้ตลอดเวลา รวมถึงกลุ่มที่ 2 เป็นกลุ่มที่เข้ามาแล้วจะถูกส่งตัวไปยังภูมิลำเนา หรือ ไปกักตัวที่บ้าน ซึ่งใช้แอพพลิเคชั่นเอโอทีเหมือนกัน แต่อาจจะมีรายละเอียดมากขึ้นในการติดตามตัว
อย่างไรก็ตาม แอพพลิเคชั่นดังกล่าวจะทำงานประสานกันระหว่างกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงมหาดไทย มีเจ้าหน้าที่ทำงานร่วมกันตลอด แอพพลิเคชั่นดังกล่าวช่วยเจ้าหน้าที่ติดตามตัวผู้ป่วยมากขึ้นให้เห็นเป็นเรียลไทม์
เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามถึงกรณีข่าวเฟคนิวส์ต่าง ๆ ในเรื่องโควิด-19 มีการดำเนินการจับกุมอย่างไรบ้าง
นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 13 มี.ค.ที่ผ่านมา มีการส่งเจ้าหน้าที่ไป 15 ชุด ในการจับกุมคนที่ปล่อยเฟคนิวส์ออกมา โดยจับกุมได้ 5 ราย และรับตัวมาดำเนินคดีที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีแล้ว ซึ่งจะมีการดำเนินคดีทุกรายไม่มีเว้น และจะทำต่อไปเรื่อย ๆ ทั้งนี้ อยากขอความร่วมมือว่าในสถานการณ์แบบนี้ไม่อยากให้คนที่มีข้อมูลไม่ครบถ้วนจะด้วยตั้งใจ หรือไม่ตั้งใจก็ตามอยากให้ศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนมีการแชร์ เพราะจะกระทบกับสังคมโดยรวม ก่อให้เกิดความตื่นตระหนก
สิ่งที่ดีที่สุดในการหยุดเฟคนิวส์ คือ เมื่อได้รับข่าวสารนั้นมาแล้ว ได้อ่านแล้ว แต่ไม่มั่นใจ ไม่ชัวร์ว่าข้อมูลนั้นมาจากไหน ก็ขอให้หยุดที่ตัวเอง ไม่ต้องแชร์ส่งต่อไป จะทำให้ข่าวเฟคนิวส์นี้หยุดได้ที่ตัวท่านเอง จึงอยากขอความร่วมมือคนไทยทุกคน สำหรับเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานอย่างเต็มที่ทุกวัน เพราะไม่อยากให้สังคมถูกชี้นำด้วยข่าวปลอมหรือเฟคนิวส์
เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามอีกว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ที่จะให้หน่วยงานราชการบางหน่วยงาน หรือเจ้าหน้าที่บางคนทำงานที่บ้าน
“ในวันที่ 16 มี.ค. จะมีการร่วมมือกันระหว่างระหว่างโอเปอร์เรเตอร์ และผู้ให้บริการทุกเครือข่ายในประเทศ รวมไปถึงไมโครซอฟ บริษัทไลน์ และกูเกิล จะมีการแถลงข่าวร่วมกัน ในการที่จะสนับสนุนการทำงานที่บ้าน ซึ่งจะเป็นระบบที่ทุกคนสามารถใช้ได้โหลดฟรี และไม่ไปกระทบแพ็คเกจโทรศัพท์ปัจจุบันที่ใช้อยู่ ใช้เพื่อประชุมสัมมนา ถือเป็นการสนับสนุนให้ภาครัฐ เอกชน และรัฐวิสาหกิจใช้ช่องทางดังกล่าวในการทำงานที่บ้าน เพื่อลดการเดินทางและป้องกันกลุ่มเสี่ยงด้วย” นายพุทธิพงษ์ กล่าว