ทนายอานนท์ — นายปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำคณะก้าวหน้า ได้โพสต์ข้อความผ่านทางทวิตเตอร์ถึงกรณีที่ศาลได้ถอนประกันนายอานนท์ นำภา ทนายความด้านสิทธิมนุษยชน โดยระบุว่า
การถอนการปล่อยตัวชั่วคราวของอานนท์และไมค์ในวันนี้ คือ การใช้กฎหมายโดยมิชอบเป็นเครื่องมือเพื่อกำจัดเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชน นับตั้งแต่ คสช.รัฐประหาร 22 พค 57 จนถึงวันนี้ การนำ “กฎหมาย” มาใช้จัดการฝ่ายตรงข้าม หรือที่ผมเรียกว่า “นิติสงคราม” ยังไม่ที่ท่าว่าจะลดลง
พวกเขาทำอะไรบ้าง? คสช.ก่อรัฐประหาร มีความผิดฐานกบฏในราชอาณาจักร โทษประหารชีวิตหรือจำคุกตลอดชีวิต ตาม ป อาญา ม 113 แต่พวกเขาก็ใช้กำลังอาวุธ กำลังทางกายภาพ ตั้งตนเป็นรัฏฐาธิปัตย์ ขีดเขียนอะไรลงบนกระดาษ แล้วเสกให้เป็น “กฎหมาย” ใช้บังคับกับผู้คน เริ่มจากการประกาศนิรโทษกรรมตนเอง
หลังจากนั้น ก็เอาเจตจำนงความต้องการของตนเองเขียนๆลงไปในกระดาษ ลงชื่อโดยประยุทธ์ แล้วก็เสกให้เป็น “กฎหมาย” เอามาบังคับประชาชน สั่งให้ทำ สั่งห้ามทำ ใครฝ่าฝืนเอาเข้าคุก แถมยังหน้าด้านหน้าทน เขียนคุ้มกันไว้ว่า ทั้งหมดนี้ถูกต้องตาม รธน กม ชั่วกัลปาวสาน
เผด็จการ คสช ยังทำให้แนบเนียนขึ้น ด้วยการออกกติกาการปกครองประเทศในช่วงยามที่เขาครองอำนาจ เสกคาถาให้ชื่อมันว่า “รัฐธรรมนูญชั่วคราว 57” กำหนดให้มี สนช ที่ คสช เลือก แล้ว สนช ก็เลือกหัวหน้า คสช มาเป็นนายกฯ
หัวหน้าคณะรัฐประหารซึ่งมีโทษกบฏแต่นิรโทษกรรมตนเอง ชื่อ ประยุทธ์ เป็นทั้งหัวหน้า คสช และนายกฯ วันไหนอยากรวดเร็วเด็ดขาด ก็สวมหมวก คสช ออกคำสั่งตาม ม 44 วันไหน ใจเย็น รอได้ ให้เนียนหน่อย ก็สะกิดให้ สนช ตราเป็น พรบ ทั้งหมดนี้มาในนามของ “กฎหมาย”
สิ่งที่พวกเขาทำทั้งหมดนี้ คือ “ปืน” แต่เอา “กฎหมาย” มาห่อหุ้มให้มันดูดี พวกเขาบริหารประเทศ “อยู่ยาว” ไปโดยใช้ “กฎหมายหุ้มปืน” เหล่านี้ ใครต่อต้าน ก็มีเจ้าหน้าที่ที่ยอมศิโรราบ ยอมให้พวกเผด็จการกดขี่สนตะพาย เอา “กฎหมายหุ้มปืน” ไปจัดการจับกุมคนต่อต้าน
เผด็จการระบอบ คสช ออกแบบรัฐธรรมนูญใหม่เพื่อประกันการสืบทอดอำนาจของพวกเขา ผ่านไป 5 ปี คนที่มีโทษกบฏแต่นิรโทษกรรมตนเองแบบประยุทธ์ ก็แปลงโฉม จากนายกฯจากการยึดอำนาจด้วยกำลังทางอาวุธ กลายเป็นนายกฯที่มาจากการเลือกตั้ง ทั้งหมด ก็อาศัย “กฎหมาย” อีกเช่นเคย
แม้มีรัฐธรรมนูญใหม่ แม้มีการเลือกตั้ง แต่เมื่อยังคงมีคนออกมาต่อต้านเขา “นิติสงคราม” ก็ยังคงดำเนินต่อไป แต่เมื่อตัวเองแต่งหน้าทาปากใหม่เปลี่ยนจากนายกฯรัฐประหารมาเป็นนายกฯเลือกตั้งแล้ว การใช้ “ปืน” หรือ “กฎหมายหุ้มปืน” แบบเดียวคงดูไม่งาม
ไหน ไอ้พวกเจ้าหน้าที่ทั้งหลาย ไปหาวิธีการทางกฎหมายมา จะทำยังไง ไม่ให้ไอ้พวกนี้ชุมนุมต่อต้าน ทำยังไงก็ได้ ให้เนียนๆ ไม่ต้องใช้กำลัง ไม่ต้องใช้ปืน” แต่ให้ใช้ “กฎหมาย” น่ะ เข้าใจมั้ย
เจ้าหน้าที่ผู้สยบยอม เลือกที่จะ “อยู่เป็น” กับระบอบเผด็จการอำนาจนิยม เจ้าหน้าที่ผู้เป็น “ประชาชนคนธรรมดา” แบบเรา ถูกกดขี่เหมือนเรา ถูกระบอบอยุติธรรมรังแกเหมือนเรา แต่พวกเขาไม่อยู่ข้างประชาชน คนพวกนี้ ก็จะพลิกแพลงหากระบวนการทางกฎหมายมาจัดการ นี่คือ “ทาสโดยใจสมัคร” โดยแท้
ตั้งข้อหากวาดไว้เยอะๆ ตั้งข้อหาแรงเกินจริงอย่าง 116 เพื่อให้ประกันตัวยาก เป็นข้ออ้างว่าไม่ต้องออกหมายเรียก ขอออกหมายจับเลย ได้หมายจับมา ก็เก็บเอาไว้ ประเมินสถานการณ์ เลือกจับทีละคนสองคน เลือกจับตามวันเวลาเหมาะๆ แล้วก็รอลุ้นให้ศาลปล่อยตัวชั่วคราว พร้อมวางเงื่อนไขห้ามชุมนุม
ทำซ้ำแบบนี้ไปเรื่อยๆ แกนนำอ่อนแรง การชุมนุมอ่อนแรง การชุมนุมเลิกไป ทั้งหมดนี้ ไม่ต้องใช้ “ปืน” ไม่ต้องสลายการชุมนุม ไม่ต้องใช้กำลังทางกายภาพเข้าปราบ ทั้งหมดออกมาดูดี อ้างว่าทำตามกฎหมาย เสร็จแล้ว ศาลจะไปยกฟ้องทีไร ก็ไม่เป็นไร เพราะ บรรลุวัตถุประสงค์ไปก่อนแล้ว