นายกฯ ยืนยันไม่ยกเลิกแผน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน สั่งมหาดไทยพิจารณาปิดการเดินทางเข้าออกพื้นที่จังหวัดผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวนมาก
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการเดินทางกลับภูมิลำเนาของประชาชนภายหลังกรุงเทพมหานครมีการสั่งปิดสถานที่เสี่ยงผ่านมาเป็นเวลา 7 วัน รวมถึงจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เพิ่มมากขึ้นนั้นว่า สะท้อนให้เห็นว่า มีการทำงานที่รัดกุมในการตรวจสอบคัดกรองผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และประชาชนที่จัดว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ก็เดินทางมาพบแพทย์มากขึ้น
นายกฯ กล่าวต่อว่า ดังนั้น จึงอยากขอความร่วมมือประชาชนที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มเสี่ยงไม่จำเป็นต้องมาพบแพทย์ เพียงให้ดูแลตนเองและปฏิบัติตามาตรการของกระทรวงสาธารณสุข เพราะอุปกรณ์เครื่องมือทางแพทย์นั้น จะใช้เพื่อผู้ที่มีความเสี่ยงและผู้ที่มีความจำเป็นก่อน
สำหรับการยกระดับมาตรการนั้น นายกรัฐมนตรียังได้สั่งให้กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องตาม พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน มีอำนาจพิจารณาปิดการเดินทางเข้าออกพื้นที่จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวนมากและจังหวัดที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ไม่ว่าจะเป็นการปิดร้านค้า สนามกีฬา สถานบันเทิง และเข้มงวดการเล่นพนัน หากพบผู้ที่ฝ่าฝืนจะต้องถูกดำเนินคดีทางกฎหมาย
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า กรณีที่สินค้ามีราคาสูงขึ้นนั้น หากพบเห็นร้านค้าและผู้ประกอบการกระทำผิดนั้น สามารถแจ้งต่อเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานอยู่จุดตรวจคัดกรองการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งสามารถเข้าตรวจสอบได้โดยทันที รวมทั้งที่ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาหนี้นอกระบบ จะมีการบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อทำการไกล่เกลี่ยในเบื้องต้น
ทั้งนี้ รัฐบาลจำเป็นที่จะต้องดูผลกระทบทั้งการเดินทางออกต่างจังหวัดหรือนอกเขตพื้นที่ รวมทั้งการปิดบริการของร้านค้า ร้านอาหาร โดยได้สนับสนุนบริการจัดส่งอาหารเดลิเวอรีเพื่อลดการเดินทางออกนอกที่พักของประชาชน รวมถึงการตรวจคัดกรองโรคแก่ผู้ที่ทำการส่งอาหารด้วย