ประชุมสุดยอดอาเซียนเกาหลี นายกฯ ร่วมประชุมสุดยอดผู้ประกอบการรายใหม่อาเซียน-เกาหลี เผย ไทยหวังผลักดันการพัฒนาสตาร์ทอัพ ทุกมิติทั้งแก้กฎหมาย สนับสนุนงานวิจัย อย่างเป็นรูปธรรม
เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2562 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม อยู่ในภารกิจร่วมประชุมการประชุมสุดยอดอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี สมัยพิเศษ ครั้งที่ 3 (2019 ASEAN-ROK Commemorative Summit) และการประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขง-สาธารณรัฐเกาหลี ครั้งที่ 1 (1st Mekong-ROK Summit) ระหว่างวันที่ 24 – 27 พฤศจิกายน 2562 ณ นครปูซาน สาธารณรัฐเกาหลี
โดยในวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี ร่วมพิธีเปิดการประชุมสุดยอดผู้ประกอบการรายใหม่อาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี (ASEAN-ROK Startup Summit) ซึ่งเป็นเวทีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่สำคัญเกี่ยวกับสตาร์ทอัพ โดยมีผู้นำอาเซียน ประธานาธิบดีสาธารณรัฐเกาหลี ผู้แทนผู้ประกอบการสตาร์ทอัพจากประเทศอาเซียน และนายชนาธิป ฤกษ์สุขรุ่งเรือง ผู้บริหาร บริษัท เวริล์ วิชั่น จำกัดในฐานะผู้แทนไทยเข้าร่วมประชุม
พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี กล่าวชื่นชมต่อสาธารณรัฐเกาหลีในเวทีโลก ที่สามารถสร้างความสำเร็จอย่างก้าวกระโดดของวิสาหกิจเริ่มต้นหรือสตาร์ทอัพ ทั้งนี้ ไทยให้ความสำคัญกับการสนับสนุนสตาร์ทอัพ เนื่องจากเป็นการส่งเสริมการเติบโตอย่างครอบคลุมและเป็นการพัฒนาที่ยั่งยืน เพื่อให้เศรษฐกิจของไทยมีความเข็มแข็ง ท่ามกลางการแข่งขันและความท้าทายทางเศรษฐกิจในภูมิภาคและโลกที่สูงขึ้น
พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ความร่วมมือด้านสตาร์ทอัพระหว่างอาเซียนกับสาธารณรัฐเกาหลีเป็นเรื่องที่ทั้งสองฝ่ายควรให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่องต่อไป เนื่องจากสอดคล้องกับนโยบายของทั้งสองประเทศ และสอดคล้องกับถ้อยแถลงวิสัยทัศน์ร่วมอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี เพื่อสันติภาพ ความเจริญรุ่งเรือง และความเป็นหุ้นส่วน รวมถึงแผนปฏิบัติการอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี สำหรับปีค.ศ. 2021-2024 เรื่องส่งเสริมความเป็นหุ้นส่วนสตาร์ทอัพระหว่างอาเซียนและสาธารณรัฐเกาหลี
โดยต่อไปทั้งสองฝ่ายอาจจะต้องพิจารณาการพัฒนาเครือข่าย focal points ของหน่วยงานภาครัฐที่มีส่วนสนับสนุนการพัฒนานโยบายและความร่วมมือด้านสตาร์ทอัพ เพื่อแลกเปลี่ยนแนวปฏิบัติและประสบการณ์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่วานนี้(25 พ.ย.) มีการลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงการอุดมศึกษาฯ กับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสารสนเทศของสาธารณรัฐเกาหลี คาดหวังว่าความสัมพันธ์และความร่วมมือเรื่องนวัตกรรมและสตาร์ทอัพระหว่างไทย อาเซียน และสาธารณรัฐเกาหลี จะเข้มแข็งและเติบโตยิ่ง ๆ ขึ้นไป ขอให้ทุกคนมองไปในอนาคต ร่วมมือกันสร้างโอกาสจากเทคโนโลยีและนวัตกรรม สร้างสรรค์ความก้าวหน้าให้กับภูมิภาคและสร้างประโยชน์ให้แก่ประชาชนมากที่สุด
ทางด้านประเทศไทยได้ผลักดันการพัฒนาสตาร์ทอัพด้านต่าง ๆ อย่างเป็นรูปธรรม ทั้งการผลักดันกฎหมายสตาร์ทอัพ เพื่อลดอุปสรรคการทำธุรกิจ ทำให้สตาร์ทอัพสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น กฎหมายแซนด์บ็อกซ (Sandbox Act) การทดสอบกฎระเบียบสำหรับสตาร์ทอัพ และกฎหมายเบยห์-โดล (Bayh-Dole Act) เพื่อส่งเสริมการวิจัยและพัฒนานวัตกรรม ด้านโครงสร้างพื้นฐานได้พัฒนาระบบคุณภาพมาตรฐานระดับประเทศ ซึ่งจะทำให้สินค้าและบริการของไทยมีความน่าเชื่อถือและเป็นที่ยอมรับในเวทีโลก
โดยประเทศไทยเปิดพื้นที่ให้ทดลองและทดสอบแนวคิดในมหาวิทยาลัย (Pilot Plant) ให้บริการ เพื่อเป็นการส่งเสริมให้เกิดเป็นธุรกิจสตาร์ทอัพและเติบโตต่อไปได้ รวมทั้ง ได้พัฒนาบุคลากร กระตุ้นต่อมความอยากเป็นผู้ประกอบการของเยาวชนด้วยกลไกกองทุนยุวสตาร์ทอัพ (Youth Startup Fund) เพื่อพัฒนาไอเดีย POC/POV สร้าง Business Model จนเกิดธุรกิจสตาร์ทอัพ เปิดเวทีแสดงความคิดและความสามารถของคนรุ่นใหม่ สร้างระบบนิเวศภายในมหาวิทยาลัยให้เหมาะกับการพัฒนาสตาร์ทอัพ รวมถึงโครงการบัณฑิตอาสาเพื่อช่วยบัณฑิตจบใหม่ที่ตกงาน และโครงการกลไกอาสาประชารัฐ ที่ให้นักศึกษาปี 3-4 ใช้เวลา 1 ภาคเรียนทำงานร่วมกับชาวบ้าน เพื่อส่งเสริมการพัฒนาต่อยอดองค์ความรู้ให้เกิดเป็นนวัตกรรมทางธุรกิจ นวัตกรรมสังคม และนวัตกรรมสร้างสรรค์
พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี กล่าวทิ้งท้ายว่า ในฐานะประธานอาเซียน ไทยมีบทบาทส่งเสริมความร่วมมือของอาเซียนทุกด้าน รวมถึงเรื่องสตาร์ทอัพ จึงได้ริเริ่มจัดประชุม Southeast Asia Startup Assembly หรือ SEASA เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2562 ภายใต้แนวคิดหลักของการเป็นประธานอาเซียนปีนี้ คือ “ร่วมมือ ร่วมใจ ก้าวไกล ยั่งยืน” โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมจากประเทศสมาชิกอาเซียนและพันธมิตร เพื่อขับเคลื่อนและขยายเครือข่ายความร่วมมือแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ผู้เชี่ยวชาญ และทรัพยากรทางเศรษฐกิจ ส่งเสริมและสนับสนุนธุรกิจสตาร์ทอัพ ทั้งมิติการจัดทำข้อมูล การบ่มเพาะ การขยายตลาดและการพัฒนาศักยภาพและสร้างความแข็งแกร่งของระบบนิเวศสตาร์ทอัพ เพื่อรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจในระดับสากล และการจัดประชุม SEASA จะจัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี โดยหมุนเวียนกันเป็นเจ้าภาพในครั้งต่อ ๆ ไป