ภัยแล้ง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แถลงการณ์เรื่อง การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำทั้งระบบ ขอช่วยกันประหยัดน้ำ เพราะแหล่งน้ำสำคัญอยู่ในขั้นวิกฤต
เมื่อวันที่ 6 ก.พ. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออกแถลงการณ์เรื่องการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำทั้งระบบ ว่า ประเทศเกษตรกรรม มีน้ำเป็นปัจจัยการผลิตที่สำคัญ ปัจจุบันเรามีจำนวนประชากรมากขึ้น จึงทำให้มีความต้องการใช้น้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภคมากขึ้น อีกทั้งความจำเป็นด้านเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมก็เพิ่มมากขึ้นเป็นเงาตามตัว เพื่อหล่อเลี้ยงระบบเศรษฐกิจของประเทศ แต่เรามีแหล่งน้ำสำคัญเพียงแหล่งเดียว คือน้ำฝน ในขณะที่การเปลี่ยนแปลงของลมฟ้าอากาศเป็นสิ่งที่ควบคุมไม่ได้
นายกฯ กล่าวต่อว่า ดังนั้นการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของชาติ ทั้งระบบอย่างบูรณาการ จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อตอบสนองความต้องการใช้น้ำ ซึ่งช่วงฤดูฝนปี 2562 ที่ผ่านมา ประเทศไทยประสบปัญหาฝนทิ้งช่วง ฝนตกน้อยกว่าค่าเฉลี่ยมาก รวมทั้งฝนตกนอกพื้นที่เก็บกักน้ำ อีกทั้งการคาดการณ์ปริมาณฝนรวมของกรมอุตุนิยมวิทยา ช่วงเดือนม.ค.-พ.ค.2563 เกือบทุกภาคของประเทศ ต่ำกว่าปกติ 3-5 เปอร์เซ็นต์ ทำให้รัฐบาลต้องเร่งรัดและปรับแผนการบริหารจัดการน้ำ สำหรับรับมือสถานการณ์น้ำแล้ง รวมทั้งป้องกันและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ในภาพรวมของประเทศ โดยเฉพาะพื้นที่แล้งซ้ำซาก เราต้องให้ความสำคัญกับน้ำกิน-น้ำใช้เป็นอันดับแรก
ที่ผ่านมารัฐบาลวางรากฐานการปฏิรูปสำหรับการบริหารทรัพยากรน้ำ โดยผลักดันให้มีแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี พ.ศ.2561–2580 และพ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำ พ.ศ.2561 ซึ่งเป็นกฎหมายน้ำฉบับแรกของประเทศ และจัดตั้งสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ให้เป็นองค์กรกลางด้านน้ำ เพื่อเชื่อมโยงระดับนโยบายสู่ระดับปฏิบัติ ทั้งการจัดหาแหล่งเก็บน้ำเพิ่มเติม แก้มลิง ประตูกักเก็บน้ำ การระบายน้ำ จูงน้ำ คลองสายใหม่ ที่ระบายน้ำและกักเก็บน้ำได้พร้อมกันในทุกภาคให้ได้ แต่ก็มีปัญหาในการใช้ที่ดินเอกชน ที่ดินประชาชน และการทำอีไอเอ
อย่างไรก็ตาม ผลสัมฤทธิ์จากการดำเนินงานตามแผนแม่บทฯ น้ำ ในปี 2558–2562 ที่ผ่านมา สามารถประเมินได้อย่างเป็นรูปธรรม จับต้องได้ อาทิ โครงการด้านทรัพยากรน้ำ รวม 273,259 โครงการ วงเงิน 368,321 ล้านบาท พื้นที่รับประโยชน์ 9.7 ล้านไร่ เพิ่มความจุน้ำได้ 3,486 ล้านลบ.ม. ที่มุ่งเน้นการจัดหาน้ำอุปโภค-บริโภคให้กับทุกหมู่บ้าน มีน้ำประปาใช้ ได้ครบแล้ว
อนึ่ง แม้การเตรียมแหล่งเก็กกักน้ำ ระบบชลประทานและกลไกการทำงานต่างๆ จะดำเนินไปได้ด้วยดี แต่เราก็ไม่สามารถบังคับให้ฝนที่มีน้อยตกในพื้นที่รองรับได้ตามต้องการ ส่งผลให้สถานการณ์ปัจจุบัน ปริมาณน้ำในแหล่งน้ำสำคัญขนาดใหญ่ ทั้ง 15 แห่งอยู่ในเกณฑ์น้อยขั้นวิกฤต รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ และไม่ลดละความพยายาม ได้อนุมัติงบกลางและระดมสรรพกำลัง เพื่อมาดำเนินมาตรการต่างๆ อาทิ การจัดหาแหล่งน้ำเพิ่มเติมนอกพื้นที่ เพื่อป้อนเข้าสู่ระบบประปาหมู่บ้าน โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงขาดน้ำ การขุดเจาะบ่อบาดาล จัดหาแหล่งน้ำผิวดิน และเชื่อมโยงแหล่งน้ำให้เป็นระบบ รวมถึงโครงการพัฒนาแหล่งน้ำขนาดกลาง ขนาดเล็ก ฝายและระบบกระจายน้ำ เพื่อให้พร้อมรองรับน้ำในฤดูฝนปีนี้
ดังนั้นขอให้ประชาชนไว้ใจและมั่นใจว่า การดำเนินงานต่างๆ ของรัฐบาล ย่อมยึดถือผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นที่ตั้งเสมอมา และขอความร่วมมือร่วมใจจากชาวไทยทุกคนช่วยกันประหยัดน้ำ ใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า ไม่ให้เกิดการสูญเปล่า รวมทั้งรักษาฟื้นฟูป่าต้นน้ำ เพื่อเพิ่มแหล่งต้นน้ำและอากาศบริสุทธิ์ ให้กับประเทศชาติและลูกหลานของเรา เพราะน้ำคือความมั่นคงของชีวิต และประชาชนคือหัวใจสำคัญ ที่เราจะต้องร่วมมือกัน ช่วยให้ประเทศชาติ และ ทุกคน ผ่านพ้นวิกฤตแล้งไปได้