เพจ คณะก้าวหน้า – Progressive Movement ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความว่า 42 ปี ผ่านไป คนไทยถูกเกาหลีเหนือ ลักพาตัวก็ยังไม่ได้กลับบ้าน “อโนชา ปันจ้อย” เป็นชาวเชียงใหม่ ย้อนกลับไป 42 ปีก่อนเมื่อเธออายุเพียงยี่สิบต้นๆ และเพิ่งตัดสินใจเดินทางไปทำงานเก็บเงินที่มาเก๊า ไปด้วยความหวังถึงอนาคตของตัวเองและครอบครัว
แต่เพียงไม่กี่เดือนหลังจากนั้น อยู่ๆ อโนชาก็ขาดการติดต่อกับทางบ้าน หายไปอย่างไร้ร่องรอยผ่านวันเป็นเดือน ผ่านเดือนเป็นปีจนหลายๆ ปี ครอบครัวทำใจหมดแล้วเพราะเข้าใจเอาเองว่าเธอน่าจะเสียชีวิตไปแล้วจากอุบัติเหตุหรือถูกฆาตกรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง
จากช่วงเวลานั้น เวลาล่วงผ่านไปเกือบ 30 ปี ท่ามกลางความเข้าใจผิดมาตลอดว่าผู้หญิงชื่ออโนชาคงไม่มีชีวิตเหลือรอดอยู่ในโลกนี้อีกแล้ว ทันใดนั้น ข่าวต่างประเทศเล็กๆ ชิ้นหนึ่งก็เปลี่ยนความรู้สึกนึกคิดของญาติๆ เธอจากความหวังที่เคยมืดสนิทมานับสิบๆ ปี กลายเป็นแสงสว่างรำไร เมื่อพวกเขาพบว่าผู้หญิงในรูปที่ “ชาร์ลส์ โรเบิร์ต เจนกินส์” ถืออยู่นั้นคืออโนชา!
“ชาร์ลส์ โรเบิร์ต เจนกินส์” อดีตทหารสหรัฐฯ คนนี้ติดอยู่ในเกาหลีเหนือมาเกือบ 40 ปีกว่าจะได้รับอิสรภาพกลับคืนสู่ประเทศบ้านเกิดตัวเอง เขายืนยันกับทุกคนว่า “อโนชา ปันจ้อย” คือหญิงชาวไทยที่เป็นเพื่อนบ้านของเขาในกรุงเปียงยาง เธอเล่าให้เขาฟังโดยระบุวันเวลาชัดเจนว่า เธอถูกลักพาตัวมาอยู่เกาหลีเหนือเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2521 และถูกบังคับมอบหมายหน้าที่ให้สอนภาษาและวัฒนธรรมให้กับสายลับเกาหลีเหนือ เช่นเดียวกับชาวต่างชาติอีกหลายคนที่มีชะตากรรมเช่นเดียวกับเธอ เป็นชะตากรรมชั่วนิรันดร์ที่อย่าได้คิดฝันถึงการได้กลับบ้าน
รูปเดียวรูปนั้นบวกกับปากคำของเจนกินส์คือเบาะแสที่เหมือนเป็นการกลับมาเกิดใหม่ของอโนชาในปี 2548 ญาติพี่น้องของเธอทำทุกวิถีทางที่พอจะทำได้ ร่วมกันเคลื่อนไหวเรียกร้อง ติดต่อประสานงานกับทุกภาคส่วนขอเพียงให้ผู้เป็นที่รักคืนสู่อ้อมอกครอบครัว หรือแม้ว่าถึงที่สุดแล้วการกลับบ้านเกิดเมืองนอนจะเป็นสิ่งที่ไกลเกินฝัน พวกเขาก็อยากจะขอแค่ให้ได้รู้แน่นอนว่าอโนชายังมีชีวิตอยู่ ปลอดภัยและสบายดีแม้จะต้องอยู่ในเกาหลีเหนือต่อไปก็ตาม ระหว่างนั้นสิ่งที่พวกเขาเห็น คือการดำเนินการช่วยเหลือของทางการไทยที่คืบคลาน เชื่องช้า ไม่มีแม้คำชี้แจง ไร้ซึ่งความคืบหน้าอยู่หลายปี และหลายๆ ปี
2563 แล้ว อโนชายังคงเป็นเหมือนคนต่างมิติ เคยได้รู้ว่ามีอยู่จริง แต่มองไม่เห็น หาไม่พบ ย้อนกลับไปช่วงกลางปีที่แล้ว 2562 โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ หลีกเลี่ยงจะตอบคำถามของผู้สื่อข่าว Thai PBS World ที่ถามว่าจะมีการพูดคุยระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไทยและเกาหลีเหนือในเรื่องนี้หรือไม่
“การเคลื่อนไหวใดๆ จะส่งผลต่อความสัมพันธ์ทางการทูตในภาพรวมที่ใหญ่กว่านั้น” คำตอบนั้นไม่มีชีวิตของประชาชนไทยที่ชื่อ อโนชา ปันจ้อย เป็นตัวตั้งอยู่เลยแม้แต่น้อย และแม้แต่คณะกรรมาธิการการต่างประเทศของสภาผู้แทนราษฎรก็มีท่าทีต่อเรื่องนี้ไม่ต่างกัน!
ตรงข้ามกับภาคประชาสังคมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะสื่อมวลชนและสังคมญี่ปุ่นที่ให้ความสนใจและยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือกรณีของอโนชาเป็นอย่างมาก เพราะพวกเขาเชื่อว่าเธอมีชะตากรรมที่ไม่ต่างไปจากชาวญี่ปุ่นอีกนับร้อยคนที่ถูกลักพาตัวโดยเกาหลีเหนือเช่นกัน
13 คนคือจำนวนที่เกาหลีเหนือออกมายอมรับว่าได้มีการลักพาเกิดขึ้นจริง แน่นอนว่าในจำนวนนั้นไม่มีชื่ออโนชา ในขณะที่ความพยายามของญี่ปุ่นส่งผลให้มีประชาชนของตัวได้กลับคืนบ้านเกิดเมืองนอนจำนวนหนึ่งจากความสำเร็จในการเจรจาทางการทูตระหว่างรัฐบาลญี่ปุ่นและเกาหลีเหนือ
นี่สิคือหน้าที่ของรัฐบาลทุกประเทศที่จะต้องดำเนินการติดตาม ตรวจสอบ เจรจา กดดัน หรือดำเนินมาตรการใดๆ ลงไปสักอย่างหรือทุกอย่าง ทุกวิถีทาง เพื่อให้ประชาชนพลเมืองของตนที่ตกอยู่ในอันตรายไม่ว่าที่ใดบนโลกได้กลับบ้านอย่างปลอดภัย!
“รัฐบาลไทยมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบชีวิตของประชาชนพลเมือง และมีเพียงแค่รัฐบาลไทยที่อยู่ในฐานะจะไปเจรจากับเกาหลีเหนือได้ ถ้ารัฐไม่พูดอะไรมันก็เท่ากับเป็นการละทิ้งชีวิตของพลเมืองของตนเอง” โทโมฮารุ เอบีฮารา ประธานกลุ่มช่วยเหลือผู้ที่ถูกลักพาตัวโดยเกาหลีเหนือพูดไว้ชัดเจน
การลักพาตัว การซ้อมทรมาน การบังคับบุคคลสูญหาย ฯลฯ เรื่องพวกนี้เกิดขึ้นได้กับทุกคน ทุกวัน ไม่ใช่แค่เพียงนักกิจกรรมหรือผู้ที่เห็นต่างจากผู้มีอำนาจเท่านั้น ยังมีคนอีกจำนวนมากที่อยู่ๆ ก็หายวับไปจากครอบครัว คนหายถูกบังคับให้หาย คนอยู่ถูกบังคับให้ลืม
การจากพรากกับผู้เป็นที่รักเป็นความเจ็บปวดในทุกกรณี แต่การต้องปลุกปลอบตัวเองทุกๆ วันเพราะไม่รู้ว่าคนที่เรารักตกอยู่ในชะตากรรมแบบไหนกันแน่ ยังหายใจ หรือป่วยเจ็บอยู่ที่จุดไหนในโลกมันคือที่สุดแล้วของความทรมาน
นี่ทำให้เราต้องกลับมาตั้งคำถามว่า ถึงเวลาแล้วหรือยัง? ที่รัฐบาลไทยจะต้องจริงจังกับทุกความสูญหายของบุคคล และทำอย่างที่รัฐบาลของประชาชนควรต้องทำ นั่นคือใช้ทุกๆ ความสามารถ นำพาทุกๆ เหยื่อกลับสู่อ้อมกอดของครอบครัว
กลับสู่ผืนแผ่นดินที่เป็นของพวกเขาเช่นกัน!