“กลุ่มนศ.ไทยในสหรัฐฯ” ชูป้ายประท้วง “บิ๊กตู่” ระหว่างกล่าวปาฐกถา Asia Society เจ้าตัวไม่แคร์บอก “Hello Thank you”
เมื่อวันที่ 25 ก.ย. เวลา 12.05 น. ตามเวลาท้องถิ่น ที่ Asia Society นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้ร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับผู้บริหาร Asia Society ได้แก่ มาดามโจเซ็ท ชีราน ประธานและหัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหาร Asia Society ทอม นากอร์สกี้ รองประธานบริหาร Asia Society และแขกรับเชิญ โดยภายหลังเสร็จสิ้นการรับประทานอาหารได้กล่าวปาฐกถาในหัวข้อ “การเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนเพื่อความยั่งยืนระหว่างประเทศ จากความแข็งแกร่งภายในสังคมไทย”
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวปาฐกถาตอนหนึ่งว่า ตนภูมิใจที่ได้มากล่าวปาฐกถาที่นี่ครั้งแรกในรอบ 7 ปี ของนายกรัฐมนตรีไทย โดยขอขอบคุณ Asia Society ที่ส่งเสริมความเข้าใจอันดีในความร่วมมือระหว่างเอเซียและสหรัฐฯ เป็นเวลากว่า 60 ปี ซึ่งไทยภูมิใจที่เป็นประเทศแรกในเอเซียเป็นมิตรและภาคีสนธิสัญญาของสหรัฐฯ ในการสร้างเสถียรภาพและความเจริญสู่ภูมิภาค พร้อมทั้งระบุอย่างภาคภูมิใจว่า รัฐบาลหลังการยึดอำนาจเพื่อความสงบเรียบร้อย สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้ออกกฎหมายกว่า 400 ฉบับ และมากกว่าสมัยรัฐบาลที่ผ่านมาเกือบทุกรัฐบาล
ทั้งนี้ ระหว่างที่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวปาฐกถาอยู่นั้น ได้มีกลุ่มนักศึกษาไทยกำลังศึกษาต่อที่ประเทศสหรัฐฯ มาชูป้ายประท้วงพร้อมกับชูหน้ากากยุทธนอคคิโอ พร้อมตะโกนชื่อ “ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ทำให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในงานได้รวบตัวออกจากห้องทันที โดยระหว่างนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้พูดว่า “HELLO THANK YOU” “THANK YOU” “THANK YOU VERY MUCH” และกล่าวปาฐกาถาต่อไป
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในช่วงเวลา 5 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลได้วางรากฐานด้านต่างๆ และยังให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องกับปากท้อง และการเอารัดเอาเปรียบในสังคม ส่วนด้านเศรษฐกิจ รัฐบาลปรับปรุงกฎระเบียบ และวิธีทำงาน เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับ นักธุรกิจและนักลงทุนเพิ่มขึ้น ขณะที่ด้านสังคม รัฐบาลประกาศให้การต่อต้านการค้ามนุษย์เป็นวาระแห่งชาติ และได้กำกับดูแลการจัดการปัญหาการทำประมงที่ผิดกฎหมาย
“ด้านการเมือง ปฏิบัติตามโรดแมปอย่างครบถ้วน ต่อจากนี้ประเทศไทยจะเดินไปข้างหน้าภายใต้รัฐบาลประชาธิปไตยที่มาจากการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ โดยมีเป้าหมายคือ จะทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศรายได้สูง ภายในปี 2579 มีความมั่นคง มั่นคั่ง และยั่งยืน มีพัฒนาการทางสังคมที่เป็นธรรมและเท่าเทียมในสิทธิพื้นฐาน เน้นการมีส่วนร่วมของทุกฝ่าย และไม่ทิ้งใครไว้เบื้องหลัง ตลอดจนเพิ่มพูนบทบาทเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนเพื่อความยั่งยืนกับนานาประเทศ โดยมีอาเซียนและอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงเป็นจุดตั้งต้น” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว