รองโฆษกพรรคเพื่อชาติ ฝากถึง พล.อ.ประยุทธ์ และเครือข่ายวงศ์วานว่านเครือ อย่าใช้อำนาจและ กฎหมายกำจัดฝ่ายตรงข้าม เพราะอาจทำให้ประเทศเดินไปสู่วิกฤตรอบใหม่ได้
วันที่ (24 พ.ย.) ดร.รยุศด์ บุญทัน รองโฆษกพรรคเพื่อชาติ กล่าวแสดงความเห็นต่อสถานการณ์ และบรรยากาศทางการเมือง ว่า เวลานี้ถือเป็นความท้าทายและยากลำบากสำหรับรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่จะต้องรับศึกหนักรอบด้าน ทั้งปัญหาความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติที่มีต่อเศรษฐกิจของประเทศ
ภายใต้สภาวะข้าวยากหมากแพง เศรษฐกิจปากท้องของคนในประเทศที่กำลังได้รับผลกระทบมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยที่ประชาชนไม่รู้จะฝากความหวังไว้กับใคร ไม่รวมถึงวิกฤตศรัทธาความไว้เนื้อเชื่อใจ และข้อสงสัยของประชาชนที่มีต่อรัฐบาล และองค์กรอิสระที่เป็นผู้ใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญในหลายกรรมหลายวาระด้วยกัน
ดร.รยุศด์ กล่าวว่า ฝากไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ และเครือข่ายวงศ์วานว่านเครือ รวมไปถึงผู้ถืออำนาจทั้งหลาย ว่า ขอให้เรียนรู้และศึกษาจากอดีตให้มาก อย่าให้ประวัติศาสตร์ต้องเดินซ้ำรอย อย่าต้องให้เกิดความสูญเสียและความขัดแย้งขึ้นอีก เพราะตนเชื่อว่าวันนี้คงไม่มีใครอยากเห็นและอยากให้เกิดขึ้นอีก และคงไม่มีใครมีพลังอำนาจเพียงพอที่จะสามารถปลุกคนลุกขึ้นมาเดินบนท้องถนนได้
นอกจากการกระทำและพฤติกรรมของผู้ถืออำนาจและรัฐบาลเอง ที่สำคัญวันนี้ทุกฝ่ายต่างก็เห็นตรงกันแล้วว่าท้ายสุดความขัดแย้งทางการเมืองที่นำมาสู่ความขัดแย้งของประเทศในอดีตนั้น ไม่ใช่ทางออกของประเทศ ไม่มีใครชนะ แต่ที่แพ้มากที่สุด คือ ประชาชน และคนไทยทั้งประเทศ
ดร.รยุศด์ กล่าวต่ออีกว่า การเกิดขึ้นทั้งของกลุ่มพันธมิตรฯ กปปส . นปช. หรือกลุ่มเสื้อสีต่าง ๆ ในอดีต ตนมองว่าไม่ได้ผิด แต่ต้องเป็นการต่อสู้กันทางการเมือง ต่อสู้กันในเชิงหลักการ และต่อสู้กันในเชิงความคิด ที่จะต้องไม่มีการสูญเสียเกิดขึ้นอีกแล้ว ณ จุดนี้ตนคิดว่ารัฐบาลและผู้มีอำนาจต้องเข้าใจ และต้องเรียนรู้ศึกษาประวัติศาสตร์
เพื่อไม่ให้เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นอีกครั้ง และในฐานะที่เป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ ก็อยากเห็นการเมืองในแบบใหม่ที่สร้างสรรค์ เป็นการเมืองที่เราสามารถแข่งขันกันที่ผลงานได้อย่างเสรี และเป็นธรรม เพื่อเป็นความหวัง และเป็นประโยชน์ของประเทศและประชาชนอย่างแท้จริง
“และผมอยากฝากไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ และวงศ์วานว่านเครือผู้ถืออำนาจทั้งหลาย ว่าประเทศอาจจะเดินไปสู่วิกฤตรอบใหม่ และประชาชนอาจลุกขึ้นมาบนท้องถนนได้อีกครั้ง ถ้า 1.รัฐบาล ผู้มีอำนาจหรือผู้ปกครองประเทศไร้ซึ่งความธรรม ใช้กลไกทางกฎหมายเป็นเครื่องมือกำจัดอีกฝ่าย ภายใต้กติกาที่ตนเองได้เปรียบ
ฝ่ายผู้มีอำนาจจะทำอะไรก็ไม่ผิด เกิดบรรทัดฐานและตรรกะทางคุณธรรมจริยธรรมที่ผิดเพี้ยนในสังคม 2.มองความเห็นต่างของคนรุ่นใหม่ และพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้ามที่พยายามเสนอสิ่งใหม่ ๆ เป็นศัตรู และต้องการกำจัดกลุ่มคนเหล่านี้ 3.ระบบนิติธรรม และนิติรัฐของประเทศขาดสมดุล กระบวนการยุติธรรมของประเทศถูกแทรกแซง สร้างความเคลือบแคลงสงสัยถึงความไม่เป็นธรรมให้เกิดขึ้นกับสังคมส่วนใหญ่” ดร.รยุศด์ กล่าว