ยกเลิกเคอร์ฟิว วันที่ 13 มิถุนายน 2563 นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณี นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ ระบุว่า การประกาศยกเลิกเคอร์ฟิวไม่ใช่ข่าวดี เพราะมีข่าวร้ายที่ใหญ่กว่า คือ ยังไม่ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ว่า อยากให้ นายณัฐวุฒิ ได้เข้าใจกระบวนการทำงานของรัฐบาล และ ศบค. ว่าที่ประสบผลสำเร็จจนทั่วโลกยอมรับ นี่คือวิธีการวางแผนทำงานที่รอบคอบมียุทธวิธีที่มีแบบแผน จนทำให้ประเทศชาติประชาชนกำลังจะก้าวผ่านวิกฤตไวรัสร้ายเป็นผลสำเร็จอย่างที่เห็น
ทั้งนี้ นายณัฐวุฒิ เองเคยเป็นรัฐมนตรี น่าจะมีความรู้ความเข้าใจการบริหารมากกว่านี้ การที่มาบอกว่า เมื่อไม่มีเคอร์ฟิว จะคง พรก.ฉุกเฉิน ไว้ทำไม นายณัฐวุฒิ ทำไมไม่คิดว่าสถานการณ์โควิดยังไม่ชัวร์ร้อยเปอร์เซ็นต์ ถ้าเกิดมีการแพร่ระบาดกลับมาอีก นายณัฐวุฒิ จะรับผิดชอบหรือไม่ การคง พรก.ฉุกเฉิน ไว้เป็นการไม่ประมาท เพื่อป้องกันควบคุมการแพร่ระบาดรอบสอง ให้มั่นใจสูงสุดเป็นการดีอยู่แล้ว
“ยิ่งรัฐบาลยกเลิกเคอร์ฟิวยิ่งดีใหญ่ มีแต่เสียงประชาชนชื่นชมตอบรับทั่วประเทศ ฝากขอบคุณรัฐบาลมาว่าทำถูกต้องแล้ว มีแต่คนต่อต้านรัฐบาลตลอดเวลาเท่านั้นที่คิดแต่ในแง่ลบ นายณัฐวุฒิ มีแต่ชุดความคิดเก่าๆ แบบ Old Normal คิดทุกเรื่องเป็นการเมืองไปหมด การกล่าวหาว่ารัฐบาลคง พรก.ฉุกเฉิน เอาไว้ เพื่อรวบอำนาจทางการเมือง จึงเป็นวิธีคิดแบบเก่าๆ ของคนที่คิดไม่สร้างสรรค์ และชอบสร้างวาทกรรมขึ้นมาว่า อย่าได้คิดเอา พรก.ฉุกเฉิน เป็น New Normal ส่วนหนึ่งของสังคมไทย ตนฟังยังไงก็เป็นคำพูดนักโต้วาทีแบบสภาโจ๊ก ฟังแล้วยังอดขำไม่ได้ว่า เอาอะไรมาคิด วันๆ นายณัฐวุฒิสมองคงว่างเอามากๆ รัฐบาลใหนจะคิดแบบคนปัญญาอ่อนเหมือนใครบางคนเช่นนั้นครับ” นายสุภรณ์ กล่าว
นายสุภรณ์ กล่าวอีกว่า วันนี้รัฐบาลประสบความสำเร็จในการต่อสู้กับโควิด จนนำไปสู่การผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ให้กับประชาชนถึง 95 เปอร์เซ็นต์ เหลือกิจการและกิจกรรมเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่คงอยู่ และเมื่อเห็นว่าสถานการณ์ทุกอย่างปกติแล้ว รัฐบาลจะคืนวิถีชีวิตปกติให้กับประชาชนและจะมีการยกเลิก พรก.ฉุกเฉิน ต่อไปอย่างแน่นอน