ราเมศ รัตนะเชวง เตือนทุกฝ่ายเดินตามคำวินิจฉัยศาลรธน. จี้ ส.ส.เสียบบัตรแทนกัน ลาออกรับผิดชอบ
เมื่อวันที่ 8 ก.พ. นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญเรื่องงบประมาณ พ.ศ. 2563 ว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญต้องถือเป็นข้อยุติ มีผูกพันทุกองค์กรที่ต้องปฏิบัติตามคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญที่กำหนดให้สภาผู้แทนราษฏรดำเนินการให้ถูกต้องในส่วนของวาระที่ 2 และวาระที่ 3 แล้วส่งต่อให้วุฒิสภาให้ความเห็นชอบ สำหรับการจะอภิปรายในวาระที่สองได้อีกหรือไม่นั้น ในความเห็นส่วนตัวเห็นว่าการอภิปรายได้กระทำไปโดยชอบแล้วที่ได้มี ส.ส. อภิปรายเนื้อหากันครบถ้วน คงกลับไปดำเนินการในส่วนของการลงมติรายมาตราเพียงเท่านั้น
นายราเมศ กล่าวว่า จากการที่มีหลายฝ่ายกังวลว่าเงื่อนระยะเวลาที่กำหนดให้สภาผู้แทนราษฏรพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 105 วัน และวุฒิสภาภายใน 20 วัน ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 143 นั้น เห็นว่าเรื่องดังกล่าว มีความสมบูรณ์ตามมาตรา 143 แล้วที่ทั้ง 2 สภาได้ดำเนินการตามกรอบเวลา การย้อนกลับมาแก้ไขเป็นการดำเนินการตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญซึ่งอยู่ในกระบวนการตรวจสอบกฎหมายก่อนการบังคับใช้ ทั้งนี้เรื่องงบประมาณแผ่นดินเป็นเรื่องที่สำคัญ เกี่ยวข้องกับประโยชน์ของพี่น้องประชาชนและประเทศ ทุกฝ่ายควรมุ่งหน้าไปเพื่อจุดนั้น
นายราเมศ กล่าวว่า ที่ประชาชนให้ความสนใจมากคือ จะทำอย่างไรที่จะต้องเอาผิด ส.ส. ที่กระทำการขัดต่อหลักนิติธรรม ขัดต่อรัฐธรรมนูญ โดยการกดบัตรแทนกัน ให้ออกไปจากการเป็นนักการเมืองนั้น ไม่ว่า ส.ส. คนนั้นจะสังกัดพรรคไหน ถ้าอาสามาทำงานให้กับส่วนรวม แต่กลับไม่รับผิดชอบในหน้าที่ ไม่มีจิตสำนึกต่อการกระทำผิดก็ควรลาออกไป และต้นเหตุอันเป็นที่มาที่ทำให้งบประมาณแผ่นดินล่าช้าออกไป คือ ส.ส. กลุ่มนี้ เชื่อว่าเมื่อประธานสภาผู้แทนราษฏรได้กำหนดนัดประชุมในวันที่ 13 ก.พ. 2563 เพื่อปฏิบัติตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญแล้วงบประมาณก็จะสามารถผ่านไปได้ด้วยดี