วันที่ 25 ธ.ค. 63 รังสิมันต์ โรม ส.ส. พรรคก้าวไกล ได้กล่วถึงกรณที่ ศาลอาญา กรุงเทพใต้ยกฟ้องคดี “MBK39 คนอยากเลือกตั้ง” ระบุว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ศาลอาญากรุงเทพใต้เพิ่งมีคำพิพากษายกฟ้องผมและนักกิจกรรมอีก 8 คน ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 จากการเป็นแกนนำจัดการชุมนุมเรียกร้องการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2561 ที่บริเวณ Skywalk แยกปทุมวัน หรือที่รู้จักกันในชื่อคดี MBK39
รังสิมันต์ โรม จี้ยกเลิก ม.112 ลั่น หมดยุคสมัยที่จะใช้ความกลัวปิดปาก
รังสิมันต์ โรม สงสัยยกเลิก บิ๊กเมาเท่น เพราะโควิด19 หรือเพราะกลัวประชาธิปไตย
การชุมนุมครั้งที่ว่านี้นับเป็นจุดเริ่มต้นของการเคลื่อนไหวในนาม “คนอยากเลือกตั้ง” ที่เกิดขึ้นต่อเนื่องมาอีกหลายครั้งจนถึงช่วงกลางปี 2561 โดยมีเหตุเนื่องมาจากที่เมื่อ 2 วันก่อนหน้านั้น สนช. ลงมติผ่านร่าง พ.ร.ป.การเลือกตั้ง ส.ส. โดยให้เลื่อนการใช้บังคับกฎหมายฉบับนี้ออกไปอีก 90 วัน ซึ่งจะส่งผลให้การเลือกตั้งที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เคยรับปากไว้ก่อนหน้านั้นว่าจะจัดขึ้นภายในเดือนพฤศจิกายน 2561 มีอันต้องถูกเลื่อนไปถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2562 เป็นอย่างน้อย กลุ่มคนอยากเลือกตั้งจึงออกมาชุมนุมเรียกร้องว่าจะต้องจัดการเลือกตั้งตามโรดแมปเดิมให้ได้ มิเช่นนั้น คสช. ก็จะหาเรื่องถ่วงเวลาการเลือกตั้งออกไปอีกเพื่อต่ออายุตัวเอง
การเลือกตั้งเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ และการเรียกร้องการเลือกตั้งก็เป็นเสรีภาพที่ประชาชนพึงมีโดยไม่ต้องสงสัย การชุมนุมที่จัดแต่ละครั้งก็ไม่ได้มีอะไรที่บ่งชี้ได้ว่าจะเป็นไปโดยไม่สงบหรือมีการใช้อาวุธ แต่ภายใต้ระบอบเผด็จการของ คสช. มันก็ได้ถูกอ้างว่าเป็นการ “ยุยงปลุกปั่น” ให้เกิดความกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน เป็นความผิดต่อความมั่นคงที่มีโทษจำคุกสูงถึง 7 ปี
รังสิมันต์ โรม เผย 10 ธันวา วันสิทธิมนุษยชนสากล หาใช่วันรัฐธรรมนูญ
ผมรู้สึกเสียดายเป็นอย่างยิ่ง ทั้งเสียดายเวลาและโอกาสของตัวเอง ทั้งเสียดายแทนเพื่อนนักกิจกรรมและพี่น้องผู้ร่วมชุมนุม ที่ต้องเหนื่อยหน่ายมาเป็นเวลาเกือบ 3 ปีกับคดีอันไร้สาระที่ผู้มีอำนาจยัดมาให้กับประชาชน การกระทำเช่นนี้มีแต่จะทำให้สถานะของกฎหมายในสายตาของประชาชนยิ่งเสื่อมทรามลงทุกทีๆ
ทว่าผู้มีอำนาจก็ยังคงไม่สำนึกได้ แม้ว่าในบางคดีที่มีการฟ้องแกนนำตามมาตรา 116 ศาลจะได้ยกฟ้องให้เห็นเป็นตัวอย่างกันไปตั้งแต่เมื่อปีที่แล้ว (เช่นคดี RDN50) แต่มาในปีนี้ที่มีการชุมนุมครั้งใหญ่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง มาตรา 116 ก็ยังคงถูกเจ้าหน้าที่นำมาใช้แจ้งข้อหา ใช้หาเรื่องจับกุมคุมขังแกนนำย้ำๆ ซ้ำๆ โดยไม่เคยเรียนรู้ในสิ่งที่เกิดขึ้น จ้องแต่จะปราบปรามกันท่าเดียว
เห็นทีว่าทั้งกฎหมายและ “ความมั่นคง” ในบ้านเมืองของเราคงต้องการการสังคายนาครั้งใหญ่ เพื่อไม่ให้ถูกเอามาใช้แบบผิดๆ เป็นเครื่องมือทางการเมืองในการทำลายล้างผู้เห็นต่างได้อีก