วานนี้ 27 กพ. 63 นาย รังสิมันต์ โรม สส. ฝ่ายค้าน โพสต์ข้อความผ่านทางเฟสบุ้คเพจ Rangsiman Rome – รังสิมันต์ โรม ว่า “เครือข่ายประวิตร” ที่ผมได้อธิบายไม่ไว้วางใจไปเมื่อสักครู่ มันคืออะไร?
มันคือ “การเกาะเกี่ยวกัน” ของกลุ่มผลประโยชน์ต่างๆ ทั้งกลุ่มที่ถืออำนาจรัฐ และกลุ่มที่ถืออำนาจทุน โดยมีมูลนิธิป่ารอยต่อฯ ที่ใช้บ้านพักสวัสดิการกองทัพบก เป็นเวทีในการผูกขาดอำนาจรัฐและอำนาจทุนไว้กับผู้ที่ถือมันอยู่แล้ว
การตอบแทนผลประโยชน์ภายในเครือข่ายนี้ ไม่ได้อยู่แค่ในรูปของการที่มีคนเข้าไปนั่งเป็นกรรมการ หรือการบริจาคเงินหรือสิ่งของเข้าไป แล้วรับผลตอบแทนในมูลค่าพอๆ กันกลับมา เพราะเงินและทรัพย์สินที่มอบเข้าไปอาจไม่ได้มากมายนัก ยังไม่เห็นผลตอบแทนชัดเจน
สิ่งที่ผมจะสื่อคือ การร่วมกิจกรรมต่างๆ ของมูลนิธิป่ารอยต่อฯ เป็นเพียง “ตั๋ว” สำหรับการเข้าไปสู่วงไพบูลย์แห่งการตอบแทนผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่กว่า ที่มีชื่อว่า Prawit Club อาศัยกลไกและทรัพยากรของรัฐมาสร้างบารมี สร้าง connection ให้กับตัวเองและพวกพ้อง
สิ่งที่เสียไปจึงเป็นอำนาจอธิปไตยที่อ้างกันว่าเป็นของประชาชน เมื่อในวันนี้ผลประโยชน์ของประเทศที่ควรตกเป็นของประชาชนกลับถูกแบ่งปันกันในหมู่คนเพียงจำนวนหนึ่งเท่านั้น และคงไม่มีทางที่ประชาชนจะเข้าถึงประโยชน์เหล่านี้ได้
พล.อ.ประวิตรนำทีมบูรพาพยัคฆ์ทำรัฐประหารเข้ามามีอำนาจสูงสุดได้ ก็เพราะมีเครือข่ายเหล่านี้
ยังคงรักษาอำนาจไว้ได้ตลอด 5 ปีแบบไม่อายคำก่นด่าของประชาชนต่อกรณีอื้อฉาวต่างๆ ก็เพราะมีเครือข่ายเหล่านี้
ยังสืบทอดอำนาจมายังรัฐบาลปัจจุบันได้ ก็เพราะมีเครือข่ายเหล่านี้
ลากเอาคนอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ และรัฐมนตรีต่างๆ เข้ามาดำรงตำแหน่งได้ ทำให้พวกเราต้องมาอภิปรายไม่ไว้วางใจกัน 4 วันเต็มๆ ก็เพราะมีเครือข่ายเหล่านี้
เรื่อง IO เรื่อง 1MDB เรื่องจังหวัดชายแดนใต้ เรื่องโรงไฟฟ้าขยะ ฯลฯ ยังคงดำรงอยู่ ก็เพราะมีเครือข่ายเหล่านี้
สรุปคือ พล.อ.ประวิตรและเครือข่ายอำนาจของเขานั่นเอง คือรากเหง้าที่ก่อกำเนิดความเลวร้ายแห่งรัฐบาลประยุทธ์ทั้งหมดทั้งปวง ฉุดดึงประเทศไทยมาอยู่ในจุดที่ตกต่ำถึงเพียงนี้
เรื่องนี้ไม่ได้สำคัญว่าเจตนาของบุคคลต่างๆ ในผังนี้จะเป็นอย่างไร เขาอาจมีเจตนาบริสุทธิ์ก็เป็นได้ แต่แค่เพียงการที่ พล.อ.ประวิตรและชาวบูรพาพยัคฆ์พยายามจะสร้างเครือข่ายอำนาจนี้ขึ้นมา แม้กระทำเพียงฝ่ายเดียว ก็เพียงพอแล้วที่เราจะไม่อาจไว้ใจให้พวกเขามีตำแหน่งในรัฐบาลต่อไปได้