รังสิมันต์ โรม ส.ส. พรรคก้าวไกล โพสต์ภาพและข้อความ ประเด็นรับทราบข้อกล่าวหา คดีมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ผ่าน เพจ Rangsiman Rome – รังสิมันต์ โรม ว่า วันนี้ผมได้มารายงานตัวที่ สน.บางขุนนนท์ เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาที่ พ.อ.ภิญโญ บุญทรงสันติกุล ซึ่งได้รับมอบอำนาจมาจากมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด แจ้งความผมในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา จากการที่ผมอภิปรายไม่ไว้วางใจนอกสภาต่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่อาศัยสถานะรองนายกรัฐมนตรีและประธานมูลนิธิป่ารอยต่อฯ ในการสร้างเครือข่ายผลประโยชน์ของตัวเอง
ในเบื้องต้นผมเห็นว่าการอภิปรายของผมนั้นมิได้เป็นการหมิ่นประมาทต่อมูลนิธิป่ารอยต่อฯ ที่เป็นคู่กรณี เพราะบุคคลที่ผมมุ่งอภิปรายนั้นไม่ใช่ตัวมูลนิธิ แต่เป็นตัว พล.อ.ประวิตร ที่เป็นประธานมูลนิธิอีกทีหนึ่ง
และการอภิปรายของผมต่อ พล.อ.ประวิตรนั้นก็เป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329(3) ติชมด้วยความเป็นธรรม ซึ่งบุคคลหรือสิ่งใดอันเป็นวิสัยของประชาชนย่อมกระทำ ซึ่งไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท เนื่องจาก พล.อ.ประวิตรเป็นบุคคลสาธารณะ เป็นผู้มีอำนาจรัฐที่อาจใช้อำนาจในทางที่มิชอบหรือส่งผลกระทบต่อประชาชนได้อย่างกว้างขวาง การวิพากษ์วิจารณ์ต่อการกระทำของ พล.อ.ประวิตรจึงอยู่ในวิสัยที่ประชาชนอย่างผมหรือใครก็ตามพึงกระทำได้
ผมขอย้ำอีกทีว่าการอภิปรายของผมที่มีต่อ พล.อ.ประวิตรนั้นเป็นการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ที่จะต้องนำข้อมูล ข้อเท็จจริง และข้อพิจารณาต่างๆ เกี่ยวกับตัวรัฐมนตรีที่ถูกไม่ไว้วางใจมาแสดงให้ประชาชนได้รับทราบ และผมคิดว่าการที่ พ.อ.ภิญโญได้รับมอบหมายจากมูลนิธิป่ารอยต่อฯ ให้มาแจ้งความผมนั้น พล.อ.ประวิตรที่เป็นประธานมูลนิธิก็น่าจะมีส่วนรับรู้ด้วย ผมจึงรู้สึกเสียดายที่แทนที่ พล.อ.ประวิตรจะใช้โอกาสที่มีในการแสดงความบริสุทธิ์ใจ ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะรัฐมนตรีชี้แจงต่อข้อกล่าวหาที่ตนถูกอภิปรายด้วยตัวเอง กลับเลือกที่จะมอบหมายผู้อื่นให้มาดำเนินคดีกับผม ทำให้ผมอาจต้องไปอภิปรายไม่ไว้วางใจท่านอีกครั้งในศาลแทน
ส่วนตัวผมนั้นไม่กังวลกับเรื่องนี้มากนัก เพราะมีประสบการณ์กับการถูกดำเนินคดีในลักษณะ “ปิดปาก” มามากพอสมควร แต่สิ่งที่ผมกังวลคือคดีนี้อาจกลายเป็นเครื่องมือปิดปากประชาชนไปด้วย ทั้งที่การตั้งคำถามหรือวิพากษ์วิจารณ์ต่อผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นเสรีภาพที่ประชาชนพึงกระทำได้ แต่หากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรวิจารณ์รัฐมนตรีแล้วยังถูกดำเนินคดีเช่นนี้ ประชาชนทั่วไปที่ต้องการวิจารณ์รัฐมนตรีบ้างจะต้องแบกรับความเสี่ยงขนาดไหน
ในการมารายงานตัวของผมครั้งนี้ ผมขอยืนยันว่าผมพร้อมที่จะต่อสู้คดีนี้ในกระบวนการยุติธรรมจนถึงที่สุด โดยจะเข้าร่วมในทุกขั้นตอนการสอบสวนและการพิจารณา ตราบเท่าที่ไม่เป็นการขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และจะไม่หนีไปไหนอย่างแน่นอน
ผมยินดีเป็นอย่างยิ่งที่การอภิปรายของผมได้ทำให้สังคมหันมาให้ความสำคัญกับเรื่องการใช้อำนาจของคนในรัฐบาลนี้ในการสร้างเครือข่ายผลประโยชน์ส่วนตัว คดีความที่เกิดขึ้นเป็นราคาที่ต้องจ่ายสำหรับการต่อสู้กับความไม่เป็นธรรมที่ดำรงอยู่มาช้านาน แต่หากมันสามารถเป็นหนึ่งในการเสริมสร้างความเข้มแข็งของประชาชนให้ไม่ยอมจำนนต่อผู้มีอำนาจได้ ผมคิดว่ามันก็คุ้มค่าแล้ว
.
สุดท้ายนี้ผมขอขอบคุณคุณ ชัยธวัช ตุลาธน – Chaithawat Tulathon เลขาธิการพรรคก้าวไกล ที่มาร่วมสังเกตการณ์และยืนยันความชอบธรรมในการปฏิบัติหน้าที่ของผมในครั้งนี้ ขอขอบคุณเพื่อน ส.ส. ทุกท่านที่ให้การสนับสนุน และขอขอบคุณประชาชนทุกท่านเป็นกำลังใจให้ตลอดนับตั้งแต่ที่มีข่าวการดำเนินคดีครับ
รังสิมันต์ โรม 3 เมษายน 2563