“หมอระวี” มอบความคิดบวก ในเรื่องร้ายๆทั้ง ฝุ่น PM2.5 โรคระบาดโควิด-19 ยังมีเรื่องดีๆ ดักตนไม่ได้มีความสุขกับเรื่องเลวร้าย แต่ให้จำเป็นบทเรียนต่อการดำเนินชีวิต ชี้ ทุกคนจะรักตัวเอง รักความสะอาด และดูแลสังคมมากขึ้น
เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2563 นพ.ระวี มาศมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ กล่าวว่า สถานการณ์ในปี 2563 นั้นหนักหนาสาหัสสำหรับคนไทย ที่ต้องเผชิญกับวิกฤตตั้งแต่ต้นปีไม่ว่าจะเป็นน้ำท่วม น้ำแล้ง พิษเศรษฐกิจ ไฟป่าจนทำให้เกิดฝุ่น PM2.5 ปกคลุมทั้งประเทศจนเกินค่ามาตรฐาน ต่อด้วยไวรัสโควิด-19 ที่แพร่ระบาดหนักไปทั่วโลกจนมียอดผู้เสียชีวิตนับหมื่นราย ซึ่งก่อนไวรัสตัวดังกล่าวจะเริ่มมาแพร่ระบาดในไทย ประเทศไทยก็ต้องเผชิญกับปัญหากับฝุ่น PM2.5 อย่างหนัก จนถึงขั้นจะออกมาตรการควบคุมการปล่อยควันของโรงงานอุตสาหกรรม สั่งงดการเผาในที่โล่ง รวมถึงการสั่งห้ามรถเก่าวิ่งในเขตกรุงเทพชั้นใน
โดยในช่วงเดือนม.ค.-มี.ค. ในกรุงเทพ รวมถึงจังหวัดใหญ่ ๆ มีเกณฑ์ เฉลี่ย 51 ขึ้นไปแทบทุกวัน หมายความว่าผู้คนที่ต้องสัญจรบนท้องถนน จะต้องสูดดมควันพิษทำให้ส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจ ในบางรายจะพบว่ามีผื่นแพ้ด้วย ขึ้นอยู่กับปริมาณฝุ่นที่สามารถวัดค่าได้ในแต่ละวัน
ต่อมา เมื่อมีการแพร่ระบาดของไวรัส “โควิด-19”ไปทั่วโลก ในประเทศไทยเองก็เช่นกัน ที่ถึงขั้นวิกฤตในเดือนมีนาคมมีผู้ติดเชื้อนับพันคน ซึ่งนับตั้งแต่ไวรัสนี้แพร่ระบาด ประชาชนเก็บตัวอยู่ในบ้านการใช้รถน้อยลง ทำให้ค่าฝุ่นที่เคยอยู่ในขั้นวิกฤตในช่วง 2-3 เดือนแรก ลดลงอย่างมาก ซึ่งค่าของฝุ่นในปัจจุบันนี้แทบไม่มีวันไหนเกิน 25 เลย หรือเรียกได้ว่าอากาศอยู่ในเกณฑ์ “ดีมาก”
นพ.ระวี กล่าวอีกว่า ตนไม่ได้มีความสุขกับการที่ฝุ่นลดเพราะไวรัส แต่ในเรื่องร้ายมันยังมีเรื่องดี ๆ หลังจากพ้นวิกฤตครั้งนี้ คงได้เรียนรู้อะไรดี ๆ จากมันการได้อยู่กับครอบครัวมากขึ้น ทุกคนรักตัวเองมากขึ้น รักษาความสะอาดมากขึ้น อากาศที่ดีขึ้น มลพิษที่ลดลง ซึ่งหลังจากผ่านพ้นวิกฤตไวรัสครั้งนี้ไปได้ ก็ไม่อยากจะกลับไปเจอกับฝุ่น PM2.5 อีก