วันที่ 24 มี.ค. นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เปิดเผยถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีแนวคิดที่จะออกพระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในเวลานี้ ช้าไปหรือไม่ เพราะมาตรการที่รัฐออกมาก่อนหน้านี้เป็นมาตรการสนับสนุนการแพร่เชื้อโควิด-19 ให้มีการกระจายไปในหลายพื้นที่ เมื่อมีมาตรการปิดร้านอาหาร แรงงานในภาคบริการไม่มีเงินใช้ก็กลับบ้านต่างจังหวัด หากเป็นกลุ่มเสี่ยงก็จะเป็นพาหะอย่างดี
ทั้งนี้ ภายหลังมาตรการล็อคดาวน์ พบว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นจนถึงวันนี้จะถึง 1,000 คนแล้ว เชื่อว่าจะเพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ ดังนั้น การออก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในเวลานี้ช้าไปมาก แต่ก็ยังดีหากออกมาแล้วคุมอยู่ ซึ่งต้องดูว่าจะประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ครอบคลุมพื้นที่ใดหรือประกาศทั่วประเทศ แต่มาตรการที่ออกมาก่อนหน้าส่งผลให้เชื้อแพร่กระจายไปทั่วประเทศ รัฐจะออก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก็ออกได้แต่ต้องมีมาตรการรองรับเพื่อช่วยเหลือประชาชนด้วย นอกจากนี้ มาตรการของรัฐที่ออกมากลับกลายเป็นเอื้อให้กับกลุ่มนายทุน เพราะประชาชนจะแห่ไปซื้อของในห้างสรรพสินค้าในเครือของเจ้าสัวที่ใกล้ชิดรัฐบาลให้รวยขึ้นไปอีก ดังนั้น การจะออกมาตรการอะไรรัฐจะออกมาต้องมีมาตรการรองรับ และไม่ควรเปิดโอกาสให้เจ้าสัวหาประโยชน์กับประชาชน
นพ.ชลน่าน กล่าวอีกว่า รัฐบาลไม่ให้ความสำคัญกับการเปิดประชุมสภา เพื่อหาทางออกให้ประชาชนตามวิถีทางประชาธิปไตย ทั้ง ๆ ที่รัฐต้องเอาประชาชนเป็นที่ตั้ง แต่รัฐกลับเลือกเอาความอยู่รอดของตัวเองเป็นที่ตั้ง พรรคร่วมฝ่ายค้านไม่เล่นการเมืองในวิกฤตเช่นนี้ แต่การทำงานการเมือง คือ การให้คำแนะนำที่ดี เอาความปลอดภัยของประชาชนเป็นที่ตั้ง พรรคเพื่อไทยเสนอแนวทางในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น แต่รัฐไม่ฟัง พล.อ.ประยุทธ์ มองว่าพรรคเพื่อไทยเล่นการเมือง แต่การทำงานการเมืองอันไหนดีก็ควรรับไว้ ควรมองการเมืองในแง่ดี อย่ามองว่าข้อเสนอของพรรคฝ่ายค้านเป็นการเอาหน้า อย่างนั้น คือ การเมืองที่เลวและเห็นแก่ตัว