เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2563 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายหลังนาย สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี และกลุ่ม 4 กุมาร อันประกอบไปด้วย นายอุตตม สาวนายน อดีตรมว.คลัง นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีตรมว.พลังงาน นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ อดีตรมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล อดีตรองเลขาธิการนายกฯ ลาออกจากรัฐมนตรี ว่า ตนเพิ่งทราบเมื่อวันที่ 15 ก.ค.ที่ผ่านมาเหมือนกัน ก็ได้มีการพูดคุยกันมาเป็นระยะอยู่แล้ว ที่ผ่านมาจริงๆก็ไม่ได้ต้องมาพูดคุยกันว่าจะไอ้นั่นไอ้นี่อะไรกัน เพียงแต่ว่าแต่ละคนถามเรื่องสุขภาพกันมา นานแล้วล่ะ แล้วท่านบอกตนมานานแล้ว ว่าพร้อมที่จะทำตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ตนไม่ได้มีอะไรกับท่าน ก็ยังเคารพท่านเหมือนเดิม
“สิ่งสำคัญการทำงานของผม ผมเป็นทหารมา ก็มีความผูกพันแม้แต่กับคนที่ทำงานมาด้วย เขาเรียกว่าความผูกพัน ดูสิทำงานมาตั้ง 5 ปี และสิ่งสำคัญวันนี้ถือว่าท่านทำสำเร็จมาในขั้นต้นกับผมแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการวางพื้นฐานดิจิทัลและอีอีซี เรื่องเหล่านี้ทุกท่านร่วมมือมากับผม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเราจะต้องพัฒนาประเทศให้ได้ เพราะถ้าเราไม่ทำพื้นฐานพวกนี้มันไปไม่ได้ แต่เมื่อสถานการณ์การเมืองมันเปลี่ยนแปลงไป เรามองในมิติการเมือง เรื่องของการเมือง ท่านก็ออกไป จะบอกว่าก็เสียดาย แต่มันก็จำเป็นด้วยสถานการณ์ทางการเมือง ผมเองก็ไม่คุ้นเคยแบบนี้ แต่จำเป็นต้องตัดสินใจ เราก็จากกันด้วยดี ไม่มีการให้ร้ายอะไรซึ่งกันและกัน ผมไม่เคยทำร้ายใคร” นายกฯ กล่าว
จากเหตุดังกล่าวส่งผลให้ปรับ ครม.เร็วขึ้น ภายในเดือนสิงหาคม โดยไม่จำเป็นต้องรอให้ ร่าง พรบ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 เสร็จสิ้น เพราะมีคนทำงานอยู่แล้ว แต่เพื่อไม่ให้เกิดช่องว่างนาน โดยต้องปรับให้เร็วเท่าที่จะทำได้ภายในเดือนนี้ ซึ่งต้องไปถามบุคคลที่อยากให้เป็นว่าจะรับตำแหน่งหรือไม่ ซึ่งตอนนี้บุคคลที่ทาบทามไปยังไม่ตอบชัดเจน ยืนยันว่า มีคนนอกเข้ามาแน่นอน และยอมรับว่า การปรับ ครม.ตนเองมีความกดดัน เพราะไม่คุ้นเคยกับเรื่องแบบนี้ แต่มีความจำเป็นต้องทำเพราะเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นนักการเมืองแล้ว
เมื่อถามว่าในสัดส่วนครม.จะมีคนนอกด้วยใช่หรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ก็ต้องมีซิ สัดส่วนของตนก็ต้องมี เมื่อถามว่า ไม่จำเป็นต้องรอ พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564 ผ่านก่อนใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่าทีมทำงานพ.ร.บ.ประมาณ มีอยู่แล้ว โดยมีคณะกรรมาธิการอยู่และรัฐมนตรีช่วยก็ยังอยู่แล้ว
ส่วน นายอุตตม ต้องลาออกจากตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการงบประมาณรายจ่ายปี 2564 หรือไม่ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ต้องไปดูระเบียบอย่างไรก็ตาม
นายกฯ กล่าวอีกว่า การปรับ ครม.จะให้ถูกใจทุกคนคงเป็นไปไม่ได้ ประเด็นสำคัญคือ คนที่อยากให้มารับตำแหน่ง จะรับหรือไม่ เพราะบางคนมีภารกิจอยู่แล้ว แม้กระทั่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี ที่ลาออกไปก็มีงานนอกอยู่
ส่วนรายชื่อบุคคลที่อยู่บนหน้าสื่อที่จะมารับตำแหน่งรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ เช่น นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร อดีตรัฐมนตรีว่ากระทรวงคมนาคม นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า แล้ว นายไพรินทร์ มีปัญหาอะไรหรือไม่ เช่นเดียวกันกับแกนนำพรรคพลังประชารัฐคัดค้าน โดยเห็นว่าควรจะเลือกคนในพรรคนั้น นายกรัฐมนตรีให้ไปถามหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ อย่างไรก็ตาม เรื่องตัวบุคคลที่จะมาเป็นรัฐมนตรีจะพิจารณาด้วยตนเอง พร้อมกับย้ำว่า การปรับ ครม.จะทำให้ดีที่สุด และมั่นใจในตนเอง ไม่มีปัญหา และการปรับ ครม.ไม่เกินเดือนหน้านี้เห็นโฉม ครม.ใหม่
เมื่อให้สัมภาษณ์เสร็จนายกรัฐมนตรี ได้พูดระหว่างขึ้นรถ สบายใจ ผู้สื่อข่าวได้รายงานเพิ่มเติมว่านายกรัฐมนตรี ได้ใช้รถยนต์โตโยต้าอัลพาร์ด ทะเบียน กฉ 1111 ศรีสะเกษ