วันที่ 23 กรกฎาคม 2563 สนธิญา อดีตผู้สมัครสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เดินทางไปศาลรัฐธรรมนูญ เข้ายื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ขอให้วินิจฉัยเพื่อวางบรรทัดฐาน จากกรณีกรรมการบริหารพรรคถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองจะไม่สามารถดำเนินการอะไรได้บ้าง นายสนธิญา กล่าวว่า ก่อนหน้าที่ได้ยื่นคำร้องดังกล่าวต่อ กกต.2 ครั้ง โดยครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 16 ก.ค.ที่ผ่านมา ได้รับหนังสือตอบกลับจากเลขาธิการ กกต.ระบุถึงสิ่งที่ผู้ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองไม่สามารถกระทำได้ โดยอ้างตามกฎหมายพรรคการเมือง ซึ่งตนก็เห็นว่าเป็นคำตอบที่ยังไม่ชัดเจน และเห็นว่าไม่สามารถที่จะไปใช้สิทธิ์ในทางอื่นใดได้อีกแล้ว จึงต้องมายื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยใน 3 ประเด็น ว่า 1. ผู้ถูกตัดสิทธิ์จะสามารถแสดงความคิดเห็นทางการเมืองได้หรือไม่ 2. ผู้ถูกตัดสิทธิ์สามารถที่จะเคลื่อนไหวทางการเมืองส่งหรือสนับสนุนผู้สมัครลงรับเลือกตั้งท้องถิ่นได้หรือไม่ และ 3. ผู้ถูกตัดสิทธิ์สามารถที่จะเข้าไปร่วมชุมนุมเคลื่อนไหวทางการเมือง หรือดำรงตำแหน่งต่างๆ ในคณะกรรมาธิการของรัฐสภาได้หรือไม่
นายสนธิญา กล่าวว่า ในอดีตผมเคยเป็นรองโฆษกพรรคชาติไทยแล้วถูกศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรค ท่านนิกร จำนง เจ้านายผมก็ถูกตัดสิทธิ์ ซึ่ง ใน 5 ปี ท่านไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวใดๆ กับการเมืองเลย แต่ขณะนี้อดีตกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรค กลับมีการออกมาแสดงความคิดเห็นทางการเมือง มีการตั้งกลุ่มการเมือง ระบุว่าจะมีการสนับสนุนส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้งท้องถิ่นในนามกลุ่มถึง 4,000 แห่ง ถ้าถึงเวลานั้นมีการร้องในประเด็นนี้ก็จะทำให้เกิดความเสียหายมากกว่า และบางคนมีตำแหน่งในกรรมาธิการของสภา ซึ่งผมก็เห็นว่าไม่น่าจะถูกต้อง อีกทั้งเมื่อ 2 วันที่ผ่านมา ปรากฏข่าวพรรคก้าวไกล ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจริงเท็จแค่ไหนระบุว่า ศาลรัฐธรรมนูญก็แค่คน 7 สวมเสื้อครุย จึงเห็นว่าศาลควรที่จะวินิจฉัยเรื่องนี้ให้ชัดเจน หากศาลวินิจฉัยออกมาว่าทำได้ ตนก็ไม่ขัดข้องแต่ต้องการความชัดเจน