ซูเปอร์โพล ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เสนอผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง แรงหนุน แรงต้าน กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ โดยดำเนินการเก็บข้อมูลแบบผสมผสาน (Mixed Method) ทั้งการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ การลงพื้นที่และการเก็บข้อมูลในโลกโซเชียลทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) จำนวน 1,123 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่าง 28 – 29 พฤษภาคม 2563 ที่ผ่านมา
พบว่า ประชาชนได้ประเมิน การอภิปราย พ.ร.ก.กู้เงิน ระหว่างฝ่ายรัฐบาล และ ฝ่ายค้าน ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายสอบผ่านแบบฉิวเฉียด โดยที่คะแนนเต็ม 10 รัฐบาล ได้ 5.18 คะแนน และฝ่ายค้าน 5.03 คะแนน
ทั้งนี้ เมื่อจำแนกจากจุดยืนทางการเมืองพบว่า รัฐบาล ได้คะแนนจากกลุ่มสนับสนุนรัฐบาล 6.27 คะแนน จากผู้ไม่หนุนรัฐบาล 3.59 คะแนน และจากพลังเงียบ 6.07 คะแนน ขณะที่ฝ่ายค้านได้คะแนนจาก กลุ่มหนุนรัฐบาล 4.44 คะแนน จาก กลุ่มไม่หนุนรัฐบาล 5.53 คะแนน และจากพลังเงียบ 5.18 คะแนน
อย่างไรก็ตาม ที่น่าเป็นห่วงคือ เมื่อพิจารณา แนวโน้มจุดยืนการเมืองของประชาชนตั้งแต่เดือน กันยายน 2562 ถึง ช่วงอภิปราย พ.ร.ก.กู้เงิน 30 พ.ค. 2563 พบว่า ฐานสนับสนุนรัฐบาลเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 36.1 มาอยู่ที่ร้อยละ 39.1 แต่ ฐานไม่สนับสนุนรัฐบาล ก็เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 34.1 มาอยู่ที่ร้อยละ 39.0 โดยที่กลุ่มพลังเงียบ ลดลงจากร้อยละ 29.8 เหลือร้อยละ 21.9
ดร.นพดล ผอ.ซูเปอร์โพล ยังเปิดเผยด้วยว่าช่วงนี้เป็นช่วงน่าหวาดเสียว เนื่องจากแรงหนุนรัฐบาล กับ แรงต้านมี มากพอ ๆ กันและกลุ่มพลังเงียบก็หดตัวลงเป็นสถานการณ์อันตรายทางการเมืองที่อาจเกิดความขัดแย้งรุนแรงบานปลายได้
การตัดสินใจของคณะผู้บริหารประเทศจึงต้องยึดเอาความต้องการและความเดือดร้อนของประชาชนระดับฐานรากเป็นหัวใจเสริมสร้างความเชื่อมั่นศรัทธา รัฐบาลอาจจะตอบคำถามได้ว่า ทำอะไรไปแล้วบ้าง แต่คำถามที่ว่า ทำแล้วได้อะไร รัฐบาลน่าจะยังตอบได้ยากอยู่เพราะถ้ารัฐบาลทำสิ่งที่ตอบโจทย์ตรงเป้าความต้องการของประชาชนทั้งประเทศได้จริงแรงหนุนย่อมมากกว่าแรงต้าน