สหายแสง ท้าลาออกกลางสภา หลังถูก สุรเชษฐ์ ลูบคม ถามชัด ขึ้นป้ายโปรโมทผลงานแปรงบซ่อมถนนลงพื้นที่ตัวเอง ผิดรัฐธรรมนูญหรือไม่
วันที่ 17 ก.ย. 63 ในการอภิปรายร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ในวาระที่ 2 – 3 อภิปรายมาตรา 15 งบประมาณรายจ่ายของกระทรวงคมนาคม สุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า ได้ขอปรับงบกระทรวงคมนาคมลง 5.55% สาเหตุหนึ่งมาจาก ‘ระบบมือใครยาวสาวได้สาวเอา’ เช่น โครงการที่ ส.ส.พยายามแปรญัตติดึงงบไปลงพื้นที่ตัวเอง เอาเงินภาษีประชาชนไปหาเสียง เช่น โครงการบูรณะทางผิวถนนแอสฟัสต์ อ.บ้านแพง จ.นครพนม มีการทำป้ายขอบคุณ ส.ส. ในพื้นที่ในการปรับปรุงถนนเส้นดังกล่าว
ก้าวไกล จี้ สปสช. เร่งช่วยเหลือปชช. หลังสั่งยกเลิกบัตรทอง
พร้อมลุย! เจี๊ยบ ก้าวไกล เผยเส้นทางเดินม็อบ เชื่อ ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ
วันที่ 17 ก.ย. 63 ในการอภิปรายร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ในวาระที่ 2 – 3 อภิปรายมาตรา 15 งบประมาณรายจ่ายของกระทรวงคมนาคม สุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า ได้ขอปรับงบกระทรวงคมนาคมลง 5.55% สาเหตุหนึ่งมาจาก ‘ระบบมือใครยาวสาวได้สาวเอา’ เช่น โครงการที่ ส.ส.พยายามแปรญัตติดึงงบไปลงพื้นที่ตัวเอง เอาเงินภาษีประชาชนไปหาเสียง เช่น โครงการบูรณะทางผิวถนนแอสฟัสต์ อ.บ้านแพง จ.นครพนม มีการทำป้ายขอบคุณ ส.ส. ในพื้นที่ในการปรับปรุงถนนเส้นดังกล่าว
ก้าวไกล ชำแหละงบ ชุดทหารเกณฑ์ ราคา 150 ล้านไม่โปร่งใส
“วิธีการแบบนี้เรียกว่าสูบเลือดจากคนทั้งแผ่นดิน เพราะมีโลโก้พรรคการเมืองและชื่อ ส.ส.ชัดเจน คำถามคือ การใช้เงินภาษีไปหาเสียงขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ ซึ่งรัฐธรรมนูญมาตรา 144 ไม่มีงบ ส.ส. และ ส.ส. ไม่สามารถดึงงบไปลงพื้นที่ตัวเองได้ ระบบมือใครยาวสาวได้สาวเอาไม่ใช่สิ่งดี ซึ่งเราควรใช้วิธีการกระจายอำนาจนำเม็ดเงินลงสู่ท้องถิ่นอย่างจริงจัง จึงเสนอให้ตัดงบ 5.55 % เพราะเป็นตลกร้าย ใช้งบประมาณเพื่อสร้างความได้เปรียบทางการเมือง ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมที่เป็นเลขาธิการพรรคภูมิใจไทยด้วย ต้องตอบคำถามนี้ให้ได้ หนึ่งการกระทำแบบนี้ผิดหรือไม่ และสองจะแก้ปัญหามือใครยาวสาวได้สาวเอาอย่างไร เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นไม่น่าภูมิใจเลย”
หลังจากนั้น ศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ในฐานะ ส.ส.นครพนม พรรคภูมิใจไทย ใช้ขอสิทธิพาดพิงทันที โดยยืนยันว่า แม้จะอยู่พรรคเดียวกัน แต่ไม่เคยประสานงานของบประมาณจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ทั้งทางเอกสารและวาจา และไม่เคยทำหนังสือขอแปรญัตติ แต่เมื่อประชาชน อ.บ้านแพง จ.นครพนม เดือดร้อน ถนนทรุดโทรมมานานหลายปี เรียกร้องมายัง ส.ส.ให้ช่วยเหลือ ในฐานะ ส.ส. พื้นที่ตรงนั้นจะละเลยได้อย่างไร เมื่อทราบว่า เป็นความรับผิดชอบของทางหลวงแผ่นดินจึงได้ประสานงานไปยังเจ้าหน้าที่แขวงการทางว่าถนนชำรุดให้ไปดู เมื่อเจ้าหน้าที่ลงมาดูชาวบ้านได้นัดหมายจะชุมนุมกันที่ตรงนั้น ซึ่งตนได้ลงไปในพื้นที่และได้รับหนังสือร้องเรียนจากชาวบ้าน จึงนำหนังสือมอบต่อให้เจ้าหน้าที่แขวงที่รับผิดชอบนำไปพิจารณาแก้ไขให้ประชาชน ไม่ทราบว่านานกี่เดือน จึงมีการซ่อมถนนตรงนี้ เมื่อลงพื้นที่ตรงนั้นอีกครั้งก็เห็นถนนซ่อมแซมแล้ว
“สาเหตุที่เกิดเหตุน่าจะมาจากป้าย ผมไม่ทราบชาวบ้านเป็นใคร แต่น่าจะเป็นความบริสุทธ์ใจของพี่น้องตรงนั้นที่เขาคงดีใจ คงเข้าใจว่า เป็นเพราะส.ส.ประสานงานให้ จึงทำป้ายขอบคุณ ผมไม่ทราบว่า ป้ายขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมเห็นป้ายก็ไม่สบายใจจึงขอให้ชาวบ้านเอาออก ดังนั้น ถ้าผมต้องหลุดจากส.ส. ส.ส.ทั้งสภาจะต้องหลุดด้วย เพราะทุกคนล้วนแต่รับปัญหาของชาวบ้านมาสะท้อนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องฟัง การกล่าวหาของนายสุรเชษฐ์ เป็นเหตุรุนแรง ถ้าผมกระทำผิดกฎหมายจริงจะต้องหลุดจากส.ส. ผมจึงขอท้านายสุรเชษฐ์ หรือจะทั้งพรรคก็ได้ ว่าถ้ามีหนังสือว่าผมทำหนังสือไปของบจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม หนังสือแปรญัตติของบประมาณ และถ้าผมผิดจริง ผมยินดี ลาออกจากการเป็น ส.สเขต 1 และรองประธานสภาฯ คนที่ 2 ทันที แต่ถ้าไม่มีนายสุรเชษฐ์จะรับผิดชอบอย่างไร การกล่าวหาคนอื่นลอยๆแบบนี้คนอื่นเสียหายไม่ควรกระทำ” ศุภชัยกล่าว
ต่อมา ธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.จากพรรคก้าวไกล ได้ลุกขึ้นประท้วงประธานสภาเนื่องจากปล่อยให้มีการชี้แจงด้วยเวลาที่มากกว่าผู้อภิปรายรายอื่นที่กำหนดเวลาไว้เพียง 7 นาที นานถึงเท่าตัว จึงไม่มีความเป็นกลาง และขอใช้สิทธิพาดพิงเนื่องจากมีการท้าทั้งพรรคจึงรวมถึงตนด้วย โดยได้ชี้แจงว่า รัฐธรรมนูญระบุว่า ส.ส.ต้องไม่มีส่วนในทางตรงหรือทางอ้อม ในการใช้งบประมาณรายจ่ายจะกระทำมิได้ การชี้แจงของรองประธานที่ถามถึงหลักฐานซึ่งในเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องยาก แต่หลักฐานที่ชัดเจนคือ รองประธานสภาเป็นสมาชิกพรรคเดียวกันกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมและยังนั่งอยู่ติดกันในเวลานี้ จึงปฏิเสธไม่ได้ว่าไม่มีการพูดคุยกันเพื่อนำถนนลงพื้นที่เพราะเรื่องแบบนี้ไม่มีใบเสร็จ
จากนั้น สุรเชษฐ์ได้ลุกขึ้นตอบศุภชัยเช่นกันว่า
“เรื่องนี้ผมตั้งเป็นคำถาม ถูกผิดอยู่ที่ศาลตัดสิน แต่สิ่งที่ควรหารือใน ส.ส. ทั้งหมดคือ รัฐธรรมนูญมาตรา 144 จะตีความอย่างไร ขออย่างเดียวคือให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน และขอถามย้ำอีกครั้งว่า ภาพที่แสดงไปเป็นการกระทำผิดจริงหรือไม่ และหากมีการดึงงบลงพื้นที่จริงจะแก้ไขกันอย่างไร”
ทั้ง เมื่อได้ชี้แจงทุกฝ่ายแล้ว ประธานสภาขอให้เข้าสู่วาระเพื่อให้การอภิปรายดำเนินต่อไป
สำหรับรายละเอียดของการอภิปรายมาตรา 15 สุรเชษฐ์ กล่าวว่า งบประมาณของกระทรวงคมนาคม ปี 64 ความจริงแล้วไม่ได้รับงบประมาณเพียง 58,000 ล้านบาท แต่ได้รับไปมากกว่า 190,000 ล้านบาท เพราะยังมีงบประมาณที่ไปซ่อนอยู่ตามแผนบูรณาการต่างๆ จึงต้องตั้งคำถามว่าจะตัดถนนสู้ภัยโควิดกันใช่หรือไม่
“ในเรื่องข้อมูลพื้นฐาน ผมได้อภิปรายไปแล้วในงบประมาณ ปี 63 วาระ 2 เมื่อ วันที่ 9 ม.ค. 63 ปีก่อน ซึ่งถึงตอนนี้รัฐไม่ยอมเปลี่ยนแปลง มีปัญหาอะไรก็ยังมีอยู่อย่างนั้น ปัญหาใหญ่ในในระบบคมนาคมไทยคือ ระบบมือใครยาวสาวได้สาวเอา ส.ส. ต่างพยายามดึงงบประมาณไปลงพื้นที่ตนเอง สร้างถนน ซ่อมถนน ติดไฟส่องสว่าง ขยายถนนเป็นสี่เลน ทำถนนไร้ฝุ่น ต่อมาก็มีการลากรถไฟฟ้าไปเรื่อยเปื่อยซึ่งใหญ่เกินความจำเป็นในหลายเส้นทางไม่คุ้มค่า แล้วเอาเงินภาษีจากประชาชนไปหาเสียง ”
สำหรับทางออกในเรื่องนี้ สุรเชษฐ์ ระบุว่า ถ้า ส.ส. คิดว่าเป็นตัวแทนของคนทั้งประเทศ ต้องใช้งบประมาณแบบมีการจัดลำดับความสำคัญที่ชัดเจนและมีความโปร่งใส ช่วงที่ตนเป็นกรรมาธิการทั้งคมนาคมและกรรมาธิการงบประมาณ ได้เคยเรียกตัวแทนจากหน่วยงานต่างๆมาชี้แจงหลายครั้ง แต่ไม่เคยได้คำตอบที่ชัดเจนว่า ทำไมการตัดถนนเส้นนี้จึงสำคัญกว่าเส้นอื่น นอกจากนี้ ยังให้การบ้านไปยังผู้เกี่ยวข้องว่า ต้องเปลี่ยนจากระบบมือใครยาวสาวได้สาวเอาเป็นการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นอย่างจริงจัง เข้าใจดีว่า ส.ส.อยากช่วยชาวบ้าน แต่ตรงนั้นเป็นหน้าที่ของ องค์การบริหารส่วนท้องถิ่น จึงต้องแก้ระบบการบริหารจัดการงบประมาณด้วย