รมช.คมนาคม เปิดเรื่องจริง 13 ข้อ การบินไทย จ่ายโอที 419 วันใน 1 ปี ปัญหารับสินบน เอื้อประโยชน์ขยายสัญญาให้สิทธิ์เอกชน สาเหตุขาดทุนมหาศาล
30 ส.ค. 63 นายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม แถลงว่า คณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงในการบริหารกิจการของ บมจ.การบินไทย ที่มี พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ได้สรุปผลการตรวจสอบทั้งเหตุผลที่ขาดทุนและการทุจริตเรียบร้อยแล้ว โดยระบุสาเหตุการทุจริต ที่เป็นสาเหตุการขาดทุน ดังนี้
1 ปฐมบทที่ทำให้การบินไทยขาดทุนมาจากการจัดซื้อเครื่องบิน A340-500 และ A340-600 จำนวน 10 ลำ วงเงิน 53,043.04 ล้านบาทในช่วงปี 2548 และมีการเพิ่มเส้นทางบินช่วงกรุงเทพ – ลอสแองเจลิส แต่บินได้ 3 ปีก็ยกเลิกไปในปี 2551 เนื่องจากประสบภาวะขาดทุนถึง 12,497 ล้านบาท ซึ่งส่งผลให้การบินไทยขาดทุนมากถึง 21,450 ล้านบาท ถือเป็นการขาดทุนมากที่สุดนับแต่ก่อตั้งในปี 2503
2 ไม่ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยไม่นำความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) และสำนักงบประมาณไปประกอบการจัดซื้อเครื่องบินดังกล่าว
3 ปัญหาการรับสินบนโรลลอยซ์จำนวน 254 ล้านบาทให้กับพนักงานการบินไทย เพื่อให้มีการจัดซื้อเครื่องยนต์อะไหล่รุ่น Trent-500 จำนวน 7 เครื่องยนต์ วงเงินรวม 3,523 ล้านบาท ซึ่งรวมกับการทำข้อตกลงจ้างช่างซ่อมแบบเหมาจ่าย (Total Care Agreement:TCA) วงเงิน 1,129 ล้านลบาทด้วย
4 การจ่ายสินบนที่มากกว่าปกติประมาณ 5% หรือประมาณ 2,652 ล้านบาทของวงเงินรวม 53,043 ล้านบาท แก่นักการเมือง เจ้าหน้าที่ และพนักงานของการบินไทย แลกกับการให้มีการซื้อเครื่อง A380
5 จากเหตุการณ์ดังกล่าวข้างต้น ส่งผลสืบเนื่องให้ปี 2560-2563 การบินไทยยังคงมียอดขาดทุนสะสมรวม 25,659 ล้านบาท
6 มีค่าใช้จ่ายเพิ่มทุกด้าน เช่น เบี้ยหุ้นกู้ปรับเพิ่มขึ้น 13,173 ล้านบาท, ค่างานล่วงเวลา (โอที) ของพนักงานและลูกเรือเพิ่มขึ้น 638 ล้านบาท, ค่าโอทีฝ่ายช่างเพิ่มขึ้น 530 ล้านบาท , ค่าตอบแทนพนักงานเฉลี่ย/คน/เดือน อยู่ที่ 129,134 บาท, ภาระดอกเบี้ย 4,535 ล้านบาท/ปี แต่ค่าตั๋วโดยสารอยู่ที่ 6,361 บาท เฉพาะปี 2562 การบินไทย
ขาดทุนถึง 12,017 ล้านบาท แต่มีค่าตั๋วโดยสารเพียง 6,081 บาท/ใบ ส่วนค่าโอทีฝ่ายช่างก็สูงกว่า 2,022 ล้านบาท
7 การจัดหาเครื่องบินประเภท B787-800 จำนวน 6 ลำ วงเงิน 28,266 ล้านบาท และเช่าดำเนินงานแบบ B787-900 อีก 2 ลำ ซึ่งการเช่าดังกล่าวพบส่วนต่างของราคาประมาณ 589 ล้านบาทเพราะมีเครื่องบินไม่เท่ากันโดยราคามีตั้งแต่ 4,475 – 5,064 ล้านบาท เมื่อใช้งานไป 5 ปี มีการแจ้งเปลี่ยนเครื่องยนต์ การบินไทยมีภาระต้องเปลี่ยนเครื่องบินอีก 386 ล้านบาท และมีการใช้เครื่องบินผิดพลาดในการวางแผนติดตั้งที่นอนของลูกเรือและนักบิน
8 สัญญาซ่อมบำรุงเครื่องยนต์แบบเหมาจ่ายในปี 2560-2562 พบความเสียหายอีก 12,792 ล้านบาท เช่น การทำสัญญาการบินแบบ Stage Length ไม่เป็นไปตามชั่วโมงบิน (สัญญาเฉลี่ย 8 ชม. บินจริง 5.5 ชม.) และการไม่ต่อสัญญาซ่อมบำรุงเครื่องยนต์ Trent800 ซึ่งส่งผลกระทบเกิดความเสียหาย เป็นต้น
9 แผนจัดหาฝูงบินใหม่ 38 ลำ วงเงิน 156,169 ล้านบาท การบินไทยไม่แก้ไขตามที่นายถาวร ในฐานะรัฐมนตรีกำกับหน่วยงานสั่งให้ทบทวน และช่วงเดียวกันการบินไทยไปจัดหาเครื่องบินแบบเช่าจำนวน 3 ลำวงเงิน 16,604 ล้านบาทจะทำให้มีภาระค่าใช้จ่ายและดอกเบี้ยสูงขึ้น
10 สายการบินพาณิชย์ไม่จัดทำงบประมาณแต่ใช้วิธีเปลี่ยนแปลงงบประมาณเองผ่านคณะกรรมการบริหารนโยบายของบริษัท และขายตั๋วโดยสารในราคาต่ำมากซึ่งพบว่ามีการเอื้อประโยชน์ให้ตัวแทนจำหน่ายตั๋ว (Agent) ทั้งในแบบค่าคอมมิชชั่น ค่า Tier เป็นต้น
11 บริหารงานบุคคลล้มเหลว เช่น มีรักษาการดีดีท่านหนึ่งรับค่าตอบแทนเพิ่มพิเศษเดือนละ 200,000 บาท ผ่านไป 6 เดือนได้เพิ่มเป็น 600,000 บาท อ้างว่าบอร์ดของการบินไทยเป็นผู้เห็นชอบ
12 เอื้อประโยชน์ขยายสัญญาให้สิทธิ์เอกชนขายสินค้าปลอดภาษีบนเครื่องบินให้กับผู้รับสิทธิ์รายเดิม 9 เดือน แทนการจัดประมูลแข่งขัน
13 การบริหารบจ. ไทยสมายล์แอร์เวย์ (สายการบินไทนสมายล์) มีผลขาดทุนต่อเนื่องโดยมียอดขาดทุนรวม 8,000 ล้านบาท