วันที่ 13 พ.ย. ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ชี้แจงกรณีกระแสข่าวว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ ได้ปฏิบัติราชการแทน นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ ในฐานะประธานคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (คปก.) โดยลงนามประกาศ คปก.เรื่องรายการกิจการอื่นที่เป็นการสนับสนุนหรือเกี่ยวข้องกับการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯประกาศ กำหนดมาตรา 30 วรรค 5 แห่งพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) พ.ศ.2518 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติ ส.ป.ก.(ฉบับที่ 3) พ.ศ.2532 และ พ.ศ.2563 เพื่ออนุญาตให้ใช้ที่ดิน ส.ป.ก. เพื่อกิจการอื่นๆ ที่เป็นการสนับสนุนหรือเกี่ยวเนื่องกับการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม มีความชัดเจนเกิดมีผลสัมฤทธิ์ ทันต่อการเปลี่ยนแปลงในสถานการณ์ปัจจุบัน และสอดคล้องตามประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่องกำหนดกิจการอื่นที่เป็นการสนับสนุนหรือเกี่ยวเนื่องกับการปฏิรูปเพื่อเกษตรกรรม โดยลงนามในประกาศวันที่ 28 ต.ค.2563 มีผลบังคับใช้ทันที นั้น
ครม. ไฟเขียวแต่งตั้ง จุ๊บจิ๊บ ภรรยา ธรรมนัส นั่งตำแหน่ง ข้าราชการการเมือง
เปิดคลังแสงกระเป๋าหรู จุ๊บจิ๊บ ภรรยาธรรมนัส ข้าราชการการเมืองป้ายแดง
สืบเนื่องจากที่ ส.ป.ก.มีอำนาจจัดที่ดินให้บุคคลซึ่งมิใช่เกษตรกร หรือสถาบันเกษตรกรตามมาตรา 30 วรรค 5 คือ การใช้ที่ดินเพื่อกิจการสนับสนุนหรือเกี่ยวเนื่องฯ ตามประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ คปก. ก็มีอำนาจตามพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ.2518 มาตรา 19 กำหนดแนวทางให้ ส.ป.ก. ปฏิบัติได้ (ความเห็นคณะกรรมการกฤษฎีกา เรื่องเสร็จที่ 391/2534) โดยเหตุแห่งการออกประกาศ คปก.ฉบับดังกล่าว ก็เพื่อให้เกิดความสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 77 ที่รัฐพึงกำหนดหลักเกณฑ์ การใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่และระยะเวลาในการดำเนินการ ตามขั้นตอนต่างๆ ที่บัญญัติไว้ในกฎหมายให้ชัดเจน และสอดคล้องกับการปฏิรูปประเทศด้านกฎหมาย (มาตรา 258 ค (1))
ข่าว ธรรมนัส ขนแป้ง คว้ารางวัลรายงานข่าวยอดเยี่ยมในออสเตรเลีย
เนื่องจากที่ผ่านมา การพิจารณาอนุญาตให้ใช้ที่ดินเพื่อกิจการสนับสนุนหรือเกี่ยวเนื่องฯของ ส.ป.ก.จังหวัดต่างๆ เกิดความล่าช้า และเกิดการตีความไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ทำให้เกิดความชะงักงันของผู้ประกอบการ ขาดความชัดเจนของแนวทางการพิจารณารายการกิจการตามประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ทำให้เกษตรกรในพื้นที่สูญเสียโอกาสในการได้รับประโยชน์จากการประกอบกิจการ ทั้งทางด้านการตลาด การสาธิต การสร้างรายได้ การสร้างงาน การบริการขั้นพื้นฐานที่พึงเข้าถึงบริการได้อย่างเท่าเทียมกันในทุกพื้นที่
ทั้งนี้ ประกาศ คปก. ลงวันที่ 28 ต.ค.63 จึงเป็นการใช้อำนาจตามมาตรา 19 ประกาศรายการกิจการ ซึ่งเป็นกิจการที่พิจารณาอนุญาตให้ใช้ที่ดินภายใต้กรอบของกฎหมายที่ให้อำนาจไว้ คือ ประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ฯ เพื่อเป็นแนวทางการใช้ดุลยพินิจให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ ใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติงานเท่านั้น ทั้งนี้ การพิจารณาอนุญาตให้ใช้ที่ดินเพื่อกิจการสนับสนุนหรือเกี่ยวเนื่องฯ ยังคงต้องอยู่ภายใต้ระเบียบ คปก. และข้อพิจารณาตามที่กล่าวมาข้างต้น ดังนั้น ประกาศ คปก.ดังกล่าว จึงไม่ใช่ฐานทางกฎหมายที่จะนำไปสู่การเปิดช่อง หรือเอื้ออำนวยการให้มีการใช้ที่ดิน ส.ป.ก. ไปเพื่อกิจการอื่นที่ไม่ได้บัญญัติไว้ในกฎหมายปฏิรูปที่ดิน แต่อย่างใด
“ประกาศฉบับนี้ผ่านการกลั่นกลองจากนักกฎหมายของ สปก. ผู้แทนจากสภาพัฒน์ฯ อดีตเลขาฯสปก. หลายๆท่าน และประเด็นสำคัญ คือ ประโยชน์สูงสุด คือ พี่น้องเกษตรกร อาชีพเกษตรกรผู้เข้าทำประโยชน์ในที่ดิน ส.ป.ก. เราควรดูแลพวกเขาตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ มิฉะนั้นพวกเขาก็ไม่สามารถหลุดจากกับดักแห่งความยากจนได้ การตลาดมีความสำคัญยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด ดังนั้นกิจการอื่นที่สนับสนุนอาชีพเกษตรกรจึงมีความสำคัญไม่น้อยกว่าการผลิต ประเด็นสำคัญ คือ สาระสำคัญของประกาศฉบับนี้ คือสิ่งที่พี่น้องเกษตรกรเรียกร้อง เพราะต้องการให้มีตลาดโดยเฉพาะอย่างยิ่งโรงงานแปรรูปผลผลิตภาคการเกษตร ดังนั้น กิจการที่เกี่ยวข้องกับการเกษตร คำว่าโรงงานแปรรูปหรือโรงงานที่เกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตของเกษตรกรจึงมีกฎหมายรองรับ”
ร.อ.ธรรมนัส ยังระบุว่า จากการไปประชุม ครม.สัญจรที่ภูเก็ต ตนได้รับรายงานจาก สปก. และรับฟังเสียงจาก ประชาชนผู้เข้าทำประโยชน์ในที่ดิน ส.ป.ก.ว่า สภาพที่ดินส่วนใหญ่กลางเป็นชุมชนไปกว่า 89% มีโรงแรม 3-5 ดาว กว่า 300 แห่ง เป็นโฮมสเตย์ไม่น้อยกว่า 100 แห่ง ประชาชนในหลายๆ จังหวัดก็มีบริบทไม่ต่างกับ ภูเก็ต กระบี่ พังงา ฯลฯ ดังนั้นควรมีการแก้ไขระเบียบ คปก. เพื่อยึดคืนหลวงก่อนดำเนินการให้ขั้นตอนต่อไป โดยมิให้มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจและประชาชนดังกล่าว
สำหรับกรอบแนวคิดการจัดที่ดินสนับสนุนหรือเกี่ยวเนื่องกับการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม มีดังนี้
- ฐานอำนาจการจัดที่ดินกิจการสนับสนุนหรือเกี่ยวเนื่องฯ
พ.ร.บ.การปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ.2518 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2532 ขยายขอบเขตการจัดที่ดินให้กว้างขวางขึ้นจากการนำที่ดินรัฐหรือที่ดินที่จัดซื้อ มาจัดที่ดินให้แก่เกษตรกร สถาบันเกษตรกร เพื่อประกอบเกษตรกรรม หรือการเลี้ยงสัตว์ใหญ่ ให้มีอำนาจจัดที่ดินให้บุคคล (บุคคลธรรมดา นิติบุคคล :ไม่จำเป็นต้องเป็นเกษตรกรเท่านั้น) เพื่อประกอบกิจการสนับสนุนหรือเกี่ยวเนื่องกับการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ตามมาตรา 30 วรรคห้า ดังนั้น ส.ป.ก. จึงมีอำนาจจัดที่ดินนอกจากการประกอบเกษตรกรรม ซึ่งมีกฎหมายบัญญัติให้อำนาจให้กระทำได้โดยชอบ - ขอบจำกัดของกิจการสนับสนุนหรือเกี่ยวเนื่องฯ
กิจการสนับสนุนหรือเกี่ยวเนื่องฯ จะต้องเป็นกิจการตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ประกาศกำหนดในราชกิจจานุเบกษา - กรอบการพิจารณาการเป็นกิจการสนับสนุนหรือเกี่ยวเนื่องฯ
- กิจการสนับสนุนหรือเกี่ยวเนื่องฯ ต้องมีวัตถุประสงค์เพื่อการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม โดยพิจารณาจากลักษณะของกิจการและผลที่ได้จากการประกอบกิจการ (ความเห็นคณะกรรมการกฤษฎีกา ตามหนังสือที่ นร 0601/596 ลว 3 เมษายน2535) ซึ่งเกษตรกรในเขตปฏิรูปที่ดินได้รับประโยชน์ จากกิจการนั้นโดยตรง (คำสั่งศาลปกครองสูงสุด คดีหมายเลขแดงที่ อ. 1728/2559)
- ประเภทกิจการสนับสนุนหรือเกี่ยวเนื่องฯ ตามกฎหมายปฏิรูปที่ดิน
ปรากฏตามที่ประกาศไว้ในประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง กำหนดกกิจการอื่นที่เป็นการ สนับสนุนหรือเกี่ยวเนื่องกับการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมตามมาตรา 30 วรรค 5 แห่งพระราชบัญญัติ การปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ.2518 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2532 (วันที่ 27 พฤศจิกายน 2533) และฉบับที่ 2 (วันที่ 9 พฤษภาคม 2543) คือ - กิจการที่เป็นการสนับสนุนการปฏิรูปที่ดิน หมายถึงกิจการ
1.1 กิจการทางวิชาการเกษตร การสาธิต การทดลอง เพื่อประโยชน์ทางการเกษตร
1.2 กิจการที่ส่งเสริม หรือประกันราคาพืชผลทางเกษตร หรือลดต้นทุนการผลิตทางการเกษตร
1.3 กิจการที่เป็นข้อตกลงร่วมกัน ส.ป.ก. ในการดำเนินการผลิตและการจำหน่ายผลิตผลทาง การเกษตร
1.4 กิจการที่เป็นการพัฒนาอาชีพเกษตรกรรม และปัจจัยการผลิตตลอดจนการผลิต การจำหน่าย และการตลาดให้เกิดผลดียิ่งขึ้น
1.5 กิจการที่เป็นการบริการหรือเกี่ยวข้องกับความเป็นอยู่ของเกษตรกรในด้านเศรษฐกิจและสังคมในเขตดำเนินการปฏิรูปที่ดิน ซึ่งกิจการนั้นต้องอยู่ในพื้นที่ที่ คปก. กำหนดให้เป็นพื้นที่เพื่อการนี้โดยเฉพาะ - กิจการที่เป็นการเกี่ยวเนื่องกับการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม หมายถึง กิจการแปรรูปผลิตผลเกษตรกรรม ซึ่งใช้ผลผลิตทางการเกษตรในเขตปฏิรูปที่ดินเป็นหลัก
กรณีมีปัญหาเกี่ยวกับประเภทกิจการอื่นที่เป็นการสนับสนุนหรือเกี่ยวเนื่องฯ ตามที่กำหนดไว้ในประกาศ ให้ คปก. พิจารณาวินิจฉัย (คปก. ไม่มีอำนาจกำหนดกิจการอื่นที่เป็นการสนับสนุนหรือเกี่ยวเนื่อง) - หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการอนุญาตให้ใช้ที่ดินเพื่อประกอบกิจการสนับสนุนหรือเกี่ยวเนื่องฯ
ในขณะที่ มาตรา 30 วรรค 5 เป็นฐานอำนาจให้ ส.ป.ก. มีอำนาจจัดที่ดินสำหรับกิจการอื่นที่เป็น การสนับสนุนหรือเกี่ยวเนื่องฯ แต่ทั้งนี้ ยังต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามระเบียบที่ คปก. กำหนดโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ซึ่งกำหนดไว้ในระเบียบ คปก. ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการอนุญาตและการให้ผู้รับอนุญาตถือปฏิบัติในการใช้ที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์สำหรับกิจการที่เป็นการสนับสนุนหรือเกี่ยวเนื่องกับการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ.2541
- ผู้มีอำนาจพิจารณา คือ – คณะกรรมการปฏิรูปที่ดินจังหวัด (ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน หน่วยงานราชการส่วนภูมิภาค ผู้แทนภาคเอกชน ผู้แทนเกษตรกร) (ระเบียบ คปก. ข้อ 7)
- แผนงานโครงการฯ – ต้องแสดงให้เห็นถึงประโยชน์ที่คาดว่าเกษตรกร สถาบันเกษตรกร เพื่อประกอบคำขออนุญาตฯ และ ส.ป.ก. จะได้รับ (ระเบียบ คปก. ข้อ 4 (ช))
- การบูรณาการร่วมกับชุมชน – กิจการที่ขออนุญาตจะต้องไม่ก่อให้เกิดมลพิษต่อชุมชนและ สิ่งแวดล้อม รวมทั้งความปลอดภัยของราษฎรในพื้นที่ (ระเบียบ คปก. ข้อ 11) (มีการประชาคมหมู่บ้าน/การประชุมสภา อบต. ในพื้นที่)
- การควบคุมตามกฎหมายอื่น – ก่อนลงมือก่อสร้างผู้เช่าต้องแสดงหลักฐานการได้รับอนุญาตให้ ก่อสร้างและต้องแสดงใบอนุญาตประกอบกิจการตามกฎหมาย มิเช่นนั้น ส.ป.ก.มีสิทธิบอกเลิกสัญญาเช่าได้ (สัญญาเช่าที่ดินฯ ข้อ 5 – 6)
- ขนาดเนื้อที่ที่อนุญาต – ไม่เกิน 50 ไร่ (มาตรา 30 วรรค 5)