ย้อนไทม์ไลน์ ยุบอนาคตใหม่ กรณีกู้เงิน 191 ล้านบาทจาก ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ พร้อมเปิด 3 แนวทางวินิจฉัยของ ศาลรัฐธรรมนูญ
จากกรณี ศาลรัฐธรรมนูญ นัดอ่านคำวินิจฉัย คดียุบพรรคอนาคตใหม่ จากกรณีกู้เงิน 191 ล้านบาทจากนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เข้าข่ายฝ่าฝืนตามมาตรา 92 วรรคหนึ่ง (3) ประกอบมาตรา 72 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 หรือไม่ ในวันที่ 21 ก.พ. 63
ทีมข่าวไบรท์ทูเดย์ (Bright Today) ขอพาย้อนไทม์ไลน์ กรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยเพื่อให้มีคำสั่งยุบพรรคอนาคตใหม่ (อนค.)
เมื่อวันที่ 15 พ.ค. 62
ธนาธร หัวหน้าพรรคได้รับเชิญจากสมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทยในประเด็นที่มาและอนาคตของพรรคอนาคตใหม่หลังจากชนะเลือกตั้ง โดยนายธนาธร กล่าวตอนหนึ่งว่า
“ผมให้พรรคกู้เงิน 110 ล้าน ระหว่างการหาเสียงเลือกตั้งรอบนี้ พรรคไม่สามารถระดมทุนได้ทันเวลาสำหรับการหาเสียง อย่างที่ผมบอกไปว่าพรรคเพิ่งมีตัวตนในทางกฎหมายเมื่อวันที่ 3 ต.ค. 2561 ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะสามารถระดมเงินได้ทันการหาเสียงเลือกตั้ง”
เมื่อวันที่ 20 พ.ค. 62
นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นเรื่องให้ กกต.ตรวจสอบว่า การปล่อยกู้ เข้าข่ายฝ่าฝืนมาตรา 66 แห่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 หรือไม่ และวันที่ 23 ก.ย. 62 ศรีสุวรรณ ยื่นหนังสือถึง กกต.อีกครั้ง ให้ตรวจสอบการกู้เงิน 191.2 ล้านบาท เพิ่มเติมจาก 110 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 11 พ.ย. 62
กกต.มีมติ 5 ต่อ 2 ว่า พรรคอนาคตใหม่กู้ยืมเงินจากนายธนาธรเป็นเงิน 191,200,000 บาท เป็นการกระทำอันเป็นการฝ่าฝืน มาตรา 72 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 และส่งศาลรัฐธรรมนูญให้ดำเนินการ ยุบพรรค
ผลของคดีนี้สามารถออกได้ 3 ทาง
- ศาลเห็นว่าผิดจริงตัดสินยุบพรรค เพิกถอนสิทธิกก.บห. 10 ปี
- ศาลเห็นว่าพรรคไม่มีความผิดตามมาตรา 72 ให้ยกคำร้อง
- มีความผิด แต่เป็นความผิดตามมาตรา 62 มาตรา 66 พ.ร.ป.พรรคการเมืองเท่านั้น ไม่อยู่ในอำนาจที่ศาลจะพิจารณา จึงยกคำร้องยุบพรรค หากเป็นแนวทางนี้เรื่องก็จะวนกลับมาที่กกต.จะต้องเป็นผู้พิจารณาดำเนินการตามระเบียบกกต.ว่าด้วยการสืบสวน ไต่สวนและวินิจฉัยชี้ขาด เพื่อดำเนินคดีอาญา ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง
- มาตรา 124 ที่กำหนดเอาผิด ผู้บริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดให้แก่พรรค มีมูลค่าเกินกว่า 10 ล้านบาทต่อปี ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งผู้นั้น 5 ปี
- มาตรา 125 ที่กำหนดเอาผิดพรรคที่รับบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดมีมูลค่าเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งหัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพรรคการเมืองนั้น 5 ปี และให้ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดส่วนที่เกินมูลค่าที่กฎหมายกำหนดไว้ 10 ล้านบาทตกเป็นของกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง รวมทั้งอาจดำเนินคดีในกรณีที่พรรคนำเงินรายได้ที่ได้จากการระดมทุน การรับบริจาค ขายของที่ระลึก ซึ่งกฎหมายกำหนดห้ามนำไปใช้เพื่อการอื่นใดนอกจากการดำเนินงานของพรรค ตามมาตรา 87 ไปใช้หนี้เงินกู้ให้กับนายธนาธร
- มาตรา 132 กำหนดโทษไว้หากหัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพรรค และเหรัญญิกพรรคผู้ใดนำเงินหรือยินยอมให้บุคคลนำเงิน ทรัพย์สินของพรรคไปใช้จ่ายเพื่อประโยชน์ส่วนตัวหรือบุคคลอืน หรือนำไปใช้เพื่อการอื่นอันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 87 วรรคหนึ่ง ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5-10 ปี ปรับตั้งแต่ 1แสน-2 แสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งการเอาผิดทางอาญานั้นจะต้องต่อสู้ในศาลถึง 3 ศาล
อ่านข่าว Bright Today