ธนาธร วันที่ 26 พฤษภาคม 2563 รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก “Harirak Sutabutr” โดยระบุว่า
“ปิยบุตร ธนาธร พรรณิการ์
ผมเข้ารับราชการเป็นอาจารย์ประจำคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ตั้งแต่ ปี พ.ศ.2521 และเกษียณอายุราชการ เมื่อ ปี พ.ศ.2555 กว่าครึ่งเวลาของการรับราชการ ผมมีโอกาสเข้าไปทำงานในส่วนกลางของมหาวิทยาลัย เป็นผู้ช่วยอธิการบดีบ้าง รองอธิการบดีบ้าง หลายต่อหลายสมัย การทำงานส่วนกลางทำให้ได้รู้จักคุ้นเคยกับอาจารย์ในคณะต่าง ๆ มากมาย แต่ผมไม่เคยรู้จักหรือพบหน้า อ.ปิยบุตร เลยแม้แต่ครั้งเดียว ได้แต่เคยได้ยินชื่อว่าอยู่ในกลุ่มคณะราษฎร์ แต่ผมรู้จักคุ้นเคยกับคณบดีคณะนิติศาสตร์ ซึ่งเป็นต้นสังกัดของ อ.ปิยบุตร เกือบทุกท่าน รวมทั้งท่านปัจจุบัน
แม้จะไม่เคยรู้จัก อ.ปิยบุตร แต่ก็เคยได้ยินกิตติศัพท์เกี่ยวกับทัศนคติต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ของ อ.ปิยบุตร จากอาจารย์คณะนิติศาสตร์หลายท่าน
อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ท่านหนึ่งเคยบอกกับผมว่า อ.ปิยบุตร เป็นคน “แรง” เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ความหมาย คือ เป็นคนที่ไม่เห็นว่าสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นสถาบันที่มีความสำคัญต่อประเทศชาติ ซึ่งนั่นก็คืออุดมการณ์ที่ไม่เคยเปลี่ยนของ อ.ปิยบุตร แสงกนกกุล เช่นเดียวกัน คุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ คุณธนาธร ก็มีอุดมการณ์เดียวกัน ชัดเจนมากจากที่เคยให้สัมภาษณ์ไว้ ใน Portrait ธนาธร ว่า ต้องการได้เสียงมาก ๆ เพื่อต่อรองกับ… และต้องจัดการกับกองทัพ และกับสถาบันตุลาการให้ได้ มิฉะนั้นจะทำ… อะไรก็ไม่ได้
คุณพรรณิการ์ วาณิช ก็เช่นกัน จะเห็นได้จากการที่ในอดีตเคย post รูปและข้อความใน face book ส่วนตัว หลายครั้ง ทำให้เชื่ออได้ว่า มีอุดมการณ์ที่ไม่แตกต่างจาก ทั้ง อ.ปิยบุตร และ คุณธนาธร แต่อย่างใด
ทั้ง 3 คน เป็นผู้ร่วมอุดมการณ์เดียวกัน ร่วมกันก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ขึ้น และเดี๋ยวนี้ แปลงกายมาเป็นคณะก้าวหน้า ก็ยังไม่มีอะไรบ่งชี้ว่า ทั้ง 3 คน มีการเปลี่ยนแปลงอุดมการณ์แต่อย่างใด ทั้งนี้ พรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นพรรค nominee ของคุณธนาธร ก็คงต้องยึดมั่นในอุดมการณ์เดียวกัน ดังจะเห็นได้จากการที่สมาชิกพรรคก้าวไกลเกือบทุกคน เมื่อครั้งพรรคอนาคตใหม่ยังไม่ถูกยุบ ต่างท้าทายพระราชอำนาจด้วยการโหวตคว่ำพระราชกำหนดการโอนอัตรากำลังพลและงบประมาณบางส่วน จากกองทัพบกไปเป็นของหน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ ซึ่งเป็นส่วนราชการในพระองค์
มีสมาชิกพรรคบางคนที่ไม่โหวตคว่ำ หรือบางคนงดออกเสียง ก็ถูกสมาชิกคนอื่น ๆ เหล่านั้นร่วมกันโหวตให้ขับออกจากพรรค ไม่ทราบว่าผู้ที่เป็นสมาชิกพรรคอนาคตใหม่-ก้าวไกล และผู้สนับสนุนทั้งหมด รวมทั้งผู้ที่ลงคะแนนเลือกผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคอนาคตใหม่ ตระหนักถึงความจริงข้อนี้หรือไม่ หากตระหนักอยู่แล้วหรือมีอุดมการณ์เดียวกันอยู่แล้ว ก็แล้วไป
หากท่านเป็นผู้ที่เชื่อว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ มีความสำคัญต่อประเทศชาติ แต่ไม่ตระหนักหรือไม่เชื่อว่า พรรคอนาคตใหม่ คณะก้าวหน้า พรรคก้าวไกลล้วนมีอุดมการณ์ตรงข้ามกับความเชื่อของท่าน ก็โปรดตระหนักเสีย และขอโปรดจงเชื่อเถิดว่า พวกเขามีอุดมการณ์เช่นนี้จริง ๆ และควรถอยออกมามองคณะก้าวหน้า และพรรคก้าวไกล ด้วยใจเป็นธรรมและเป็นกลาง ก่อนจะถึงวันที่จะมีการเลือกตั้งครั้งต่อไป ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป”