เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2564 นาย ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ไลฟ์เฟซบุ๊ก ในหัวข้อ ประชาชนพร้อม วัคซีนไม่พร้อม: สถานะ ปัญหา และทางออกจากวิกฤตวัคซีน
ในช่วงหนึ่งของการไลฟ์สด นายธนาธร กล่าวถึงสถานการณ์การฉีดวัคซีนในไทย ยังรั้งท้ายถึงอันดับ 8 จาก 10 ประเทศอาเซียน โดยฉีดได้เพียง 3.17% ของประชากร ส่วนการจัดหาวัคซีน ปัจจุบันรัฐบาลไทยจัดหาวัคซีนได้เพียง 70.1 ล้านโดส จากเป้าหมาย 150 ล้านโดส
ส่วนการฉีดวัคซีนก็ยังคงห่างไกลจากเป้าหมายจากเดิมที่ตั้งไว้ที่วันละ 5 แสนโดส ไทยฉีดได้มากที่สุดต่อวันคือ 1.6 แสนโดส เป็นไปไม่ได้เลยที่ประเทศไทยจะผ่านพ้นวิกฤตโควิดได้ภายในสิ้นปี 2564 หรือแม้แต่ต้นปี 2565 ขณะที่ประชาชนก็ไม่เชื่อมั่นในรัฐบาล สะท้อนภาวะผู้นำที่ล้มเหลวของนายกรัฐมนตรี
ผู้ว่าฯ โคราช ติดต่อซื้อวัคซีน ซิโนฟาร์ม จากราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ หวังเป็นจังหวัดเปิด
เมื่อเวลาผ่านไป และประชาชนยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตตามปกติไม่ได้ ทำให้เกิดความเสียหายมากมาย รายได้นักท่องเที่ยวต่างชาติ 12,400 ล้านบาทต่อเดือน มูลค่าเศรษฐกิจเสียหาย 3.7 หมื่นล้านต่อดือน รายได้ภาษีของรัฐหายไป 10,600 ล้านบาทต่อเดือน รัฐบาลต้องจ่ายดอกเบี้ยที่กู้มาเยียวยาเพิ่มขึ้น 2,300 ล้านบาทต่อเดือน
คนนนท์ ลงทะเบียนจองวัคซีน กว่าครึ่งล้าน แนะลง “นนท์พร้อม”แล้ว ไม่ต้องลง “หมอพร้อม” ซ่ำอีก
เร่งสอบสาเหตุการเสียชีวิต นักจัดรายการวิทยุ BBC หลังฉีดวัคซีน แอสตราเซเนกา แล้วเกิดลิ่มเลือดอุดตัน
คนตกงานจากในภาวะปกติ มีคนขอรับสิทธิการว่างงานเดือนละประมาณ 60,000คน เมื่อเกิดโควิด-19 มีคนขอรับสิทธิวิ่งถึงแสนกว่าคน แปลว่า 48,000 คนต่อเดือน หรือสูงกว่าภาวะปกติ 82%
ทั้งนี้นายธนาธร ยังได้เสนอทางออกจากวิกฤตโควิด 5 ข้อ ได้แก่
1.นายกฯต้องลงมาจัดซื้อวัคซีนด้วยตนเอง เหมือนที่เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ยกหูโทรหาผู้บริหารไฟเซอร์ถึงกว่า 30 ครั้ง เพื่อเจรจาขอซื้อวัคซีน
2) วางแผนสต็อกวัคซีนอย่างโปร่งใสด้วยระบบเดียวกันทั่วประเทศ ทุกสถานีฉีดต้องกรอกแบบฟอร์มรายงานยอดวัคซีน-ยอดการฉีดในแต่ละวัน ส่งเข้าจังหวัดและจากจังหวัดเข้าสู่ส่วนกลาง รายงานสถานะทั้งปัจจุบัน ข้อมูลในอดีต และแผนการฉีดในอนาคต
3) เปิดเผยสัญญาการส่งมอบวัคซีน การวางแผนในข้อ 2 จะเป็นจริงไม่ได้ หาเราไม่รู้วันที่วัคซีนจะถูกส่งมาให้ฉีด ตนขอเรียกร้องรัฐบาล ว่าจะต้องเปิดเผยทุกสัญญาที่รัฐบาลทำกับบริษัทผู้ผลิตวัคซีนให้ประชาชนทราบ และนำมาใช้ในการติดตาม วางแผนการบริหารสต็อกวัคซีน
4) เมื่อมีวัคซีนเพียงพอแล้ว ต้องทำให้ประชาชนเข้าถึงวัคซีนได้ง่าย ไม่จำเป็นต้องลงทะเบียน ใช้เพียงบัตรประชาชนเพื่อเข้ารับวัคซีนที่จุดใดก็ได้ ทำให้มีผู้เต็มใจไปฉีดวัคซีนมากขึ้น เร็วขึ้น
5) ใช้แรงจูงใจ ไม่ใช่บทลงโทษ เพื่อให้คนไปฉีดวัคซีนมากที่สุดและเร็วที่สุด