ธนาธร โว ภูมิใจในความรวยที่ไม่ได้มาจากภาษีประชาชน เดินหน้าต่อสู้ไม่สนใจอายุขัย ต้องจบชีวิตในคุกในตะรางก็ภูมิใจ
การเสวนาในหัวข้อ “ผู้นำการเมืองกับอนาคตประเทศไทย” ที่จัดขึ้นโดย นักศึกษาหลักสูตรการพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้งระดับสูง(พตส.) รุ่นที่ 10 โดยมีนายวีระกร คำประกอบ ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์ พรรคเพื่อไทย นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และนายปริญญ์ พานิชภักดิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เข้าร่วมการเสวนา พรรคพลังประชารัฐ ธนาธร โว ภูมิใจในความรวยที่ไม่ได้มาจากภาษีประชาชน เดินหน้าต่อสู้ไม่สนใจอายุขัย ต้องจบชีวิตในคุกในตะรางก็ภูมิใจ
การเสวนาในหัวข้อ “ผู้นำการเมืองกับอนาคตประเทศไทย” ที่จัดขึ้นโดย นักศึกษาหลักสูตรการพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้งระดับสูง(พตส.) รุ่นที่ 10 โดยมีนายวีระกร คำประกอบ ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์ พรรคเพื่อไทย นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และนายปริญญ์ พานิชภักดิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เข้าร่วมการเสวนา
บางช่วงของการเสวนา นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า ตนยอมรับว่าเป็นคนที่รวย และภูมิใจในความรวยมาก ภูมิใจเพราะไม่เคยรวยจากภาษีของประเทศเนื่องจากบริษัทของตนไม่เคยเป็นคู่สัญญากับรัฐ แต่รวยจากการสร้างนวัตกรรม สร้างเทคโนโลยีที่ทำให้มีการจ้างงานกว่า 20,000 อัตรา วันนี้คนบางกลุ่มมีอำนาจทางการเมืองโดยไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง โครงสร้างที่ค้ำยันกลุ่มอภิสิทธิ์ชน คือทหาร ทุนผูกขาด ระบบราชการที่ใหญ่โตเทอะทะ และกระบวนการยุติธรรม ประเทศไทยมีทรัพยากรเพียงพอที่จะสร้างรัฐสวัสดิการที่ดีกว่านี้ แต่ประเทศกลับถูกฉุดรั้งโดยกลุ่มคนที่ต้องการให้เห็นวันนี้ในทุกๆวันเป็นเมื่อวาน เพื่อให้เขามีฐานอำนาจ กว่า 10 ปีที่ผ่านมา เราเถียงกันอำนาจประเทศเป็นของประชาชน ผู้นำจากการเลือกตั้ง หรือมาจากกลุ่มที่มีอำนาจโดยไม่ได้มาจากประชาชน ซึ่งตนเชื่อว่าอำนาจเป็นของประชาชน ไมว่าจะไทยเจ๊ก ไทยลาว ไทยใต้ นามสกุลสูงศักดิ์ หรือชาวนา ทุกคนควรมีสิทธิเท่ากัน ต้องได้รับการบริการจากรัฐที่ดีเท่าเทียมกัน ได้รับความยุติธรรมเท่าเทียมกัน แต่ประชาชนภายใต้รัฐธรรมนูญ 60 ถูกทำให้ไม่มีความหมาย
นายธนาธร กล่าวต่อว่า อำนาจของรัฐถูกแบ่งเป็น 3 ขา ฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการ เพื่อให้มีการตรวจสอบและถ่วงดุล โดยรัฐบาลไม่ว่าจะมาจากการเลือกตั้งหรือเผด็จการ เมื่อมีนโยบายสาธารณะที่อาจตัดสินใจถูกหรือผิดก็ได้ แต่ รธน.60 คณะกรรมการยุทธศาสตร์แห่งชาติ ซึ่งแต่งตั้งโดยคสช. ไม่ได้มาจากประชาชน อยู่เหนือรัฐบาลจากการเลือกตั้ง ชี้เป็นชี้ตายให้รัฐบาลที่มาจากประชาชนได้ นี่คือดุลอำนาจที่ไม่เท่าเทียมกัน ฝ่าย นิติบัญญัติ ส.ว .250 คนไม่มาจากประชาชน เขากลัวประชาชนจะออกกฎหมายลดอภิสิทธิ์ทางการปกครอง การดำรงอยู่ของส.ว.เพื่อนำคนที่ประชาชนไม่ได้เลือกมาเป็นนายกฯ หากเอาคะแนนปอบปูล่าโหวตมาดู จะพบว่า 75% เป็นคะแนนรวมจากพรรคที่ไม่สนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ พรรคที่สนับสนุนมีคะแนนเพียง 25% เท่านั้น ขณะที่อำนาจตุลการ และองค์กรอิสระก็ได้รับการแต่งตั้งหรือยืดอายุโดย คสช. อำนาจ 3 ฝ่ายถูกควบคุมไว้ทั้งหมด ตนเชื่อมั่นแรงกล้าว่า ประชาธิปไตยจะเป็นแรงบันดาลใจให้เราได้ดีกว่าเผด็จการ ประเทศที่เป็นประชาธิปไตยแล้วจะย้อนกลับมายอมรับอำนาจเผด็จการไม่ได้ เรามาไกลเกินกว่าที่จะย้อนประเทศไทยกลับไปดั้งเดิม ประชาชนทุกคนเป็นประธานของประโยค ไม่ได้เป็นกรรม
“ผมชื่นชมทุกคนที่ออกมาต่อต้านคอรัปชั่น แต่ถ้าคนเหล่านั้นไม่พูดถึงกองทัพ สัมปทานช่อง 7 กี่ปี และช่อง 5 หายไปไหนไม่มีอยู่ในงบประมาณ หรือแม้แต่เงินภาษีที่ใช้จ้างพลทหาร แต่ถูกเอาไปดูแลบ้านนายพล เป็นการคอรัปชั่นหรือไม่ เราพูดถึงแต่นักการเมือง ไม่แตะคนที่ตรวจสอบไม่ได้ การแสดงทรัพย์สิน นายพล ในสนช.รวยเป็นพันล้านบาทเป็นไปได้อย่างไร คนที่ไม่กล้าตรวจสอบคนเหล่านี้ผมถือว่าเฟคทั้งหมด วันนี้ผมไม่ได้เป็นส.ส. ไม่มีอภิสิทธิ์ แต่ถ้าจะเดินหน้าประเทศต่อไป ก็ขอเสนอแนวทางไทยแลนด์ 3D ทำให้ประเทศกับมาเป็นประชาธิปไตย, ลดบทบาทกองทัพ ,และยุติอำนาจรวมศูนย์ในกรุงเทพกระจายอำนาจให้ท้องถิ่น มีคนบางคนบอกว่าถ้าคุณทำดีจะมีอายุอยู่ถึง 90 หรือ 100 ปี แต่ผมไม่สนใจอายุขัย ไม่สนใจว่าจะจบสวยหรือไม่ ถ้าผมพูดความจริง ยืนหยัดต่อสู้ในสิ่งที่ถูกต้อง แม้จะต้องจบชีวิตในคุกในตะรางก็ภูมิใจที่ได้สร้างสังคมที่เท่าเทียมส่งต่อให้ลูกหลาน และภูมิใจที่ชีวิตอาจจะจบไม่สวย แต่ไม่เลียบูททหารแน่ๆ” นายธนาธรกล่าว