วันที่ (16 พ.ย.) นาย เทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ เผยถึง กรณีความขัดแย้งและความวุ่นวายในคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (กมธ.ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎร ว่า เห็นด้วยกับความเห็นของ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่ระบุว่า ความเปลี่ยนแปลงใด ๆ เกี่ยวกับตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการ เป็นเรื่องภายในของคณะกรรมาธิการนั้น ๆ เพราะการโหวตเลือกตำแหน่งต่าง ๆ ของคณะกรรมาธิการ เป็นการลงมติในที่ประชุมคณะกรรมาธิการทั้งสิ้น
ทั้งนี้ ถ้าจะมีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งใด ๆ ก็เป็นเรื่องภายในของกรรมาธิการที่จะพิจารณากัน จากข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ไม่มีการระบุถึงการสิ้นสุดของผู้ดำรงประธานคณะกรรมาธิการ ต้องพิจารณาว่าสามารถนำข้อบังคับข้อที่ 108 ว่าด้วยการสิ้นสุดของกรรมาธิการมาบังคับใช้โดยอนุโลมได้หรือไม่
“กรณีที่มีกรรมาธิการ ป.ป.ช. ในสัดส่วนของพรรคร่วมรัฐบาล ยื่นหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้พิจารณาการทำหน้าที่ของประธานคณะกรรมาธิการ ป.ป.ช. ว่าถูกต้องหรือไม่ และร้องเรียนถึงความขัดแย้งในการทำงานของคณะกรรมาธิการนั้น ผมเองเชื่อว่า เมื่อประธานสภาฯ รับหนังสือดังกล่าวแล้ว อาจจะมอบให้คณะกรรมาธิการกิจการสภาดำเนินการ เหมือนกับข้อขัดแย้งของคณะกรรมาธิการบางคณะ ที่คณะกรรมาธิการกิจการสภาพิจารณาแก้ปัญหาจบแล้ว” นายเทพไท กล่าวว่า
นายเทพไท กล่าวต่ออีกว่า ต้องยอมรับความจริงว่า สภาชุดนี้ มี ส.ส.หน้าใหม่เข้ามาเป็นจำนวนมาก ในคณะกรรมาธิการบางคณะ มีกรรมาธิการที่เป็น ส.ส.ใหม่เกือบทั้งคณะ และบางคณะมีประธานคณะกรรมาธิการเป็น ส.ส.สมัยแรก ยังขาดประสบการณ์ ในการทำหน้าที่ ไม่เคยผ่านงานด้านกรรมาธิการมาก่อน ก็จะทำให้เกิดความขลุกขลักในการทำงานช่วงแรก ๆ เชื่อว่าเมื่อผ่านการทำงานไปได้สักระยะหนึ่ง ทุกอย่างก็คงจะเข้าที่เข้าทาง ดำเนินการไปด้วยดีได้อย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม อยากให้ ส.ส.ทุกคนได้ตระหนักถึงการทำหน้าที่ของตัวเอง ในคณะกรรมาธิการว่า ทุกคนเป็นตัวแทนของประชาชน ในคณะกรรมาธิการจะไม่มีความเป็นพรรคการเมือง ทุกคนมีสถานะเป็นกรรมาธิการ มีหน้าที่ต้องทำงานร่วมกันตามบทบาทหน้าที่ ที่ได้ระบุไว้ในข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ไม่ควรนำเอาความเป็นพรรคการเมือง หรือขั้วการเมือง หรือความมีอคติ ความไม่พอใจส่วนตัวมายุ่งเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ในคณะกรรมาธิการ หรือหากไม่มีการลดราวาศอกซึ่งกันและกัน ก็จะทำให้การทำงานของคณะกรรมาธิการแต่ละคณะไม่ประสบความสำเร็จ ตามเจตนารมย์ของข้อบังคับการประชุมสภา และเจตนารมย์ที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญอย่างแน่นอน