‘เทวัญ’ จ่อเสนอ มส.กราบทูลเชิญเสด็จ “สมเด็จพระสังฆราช” เป็นองค์ประธานในพิธี 25 มี.ค. ชวนประชาชนร่วมสวดมนต์แบบถ่ายทอดสด “บทพระรัตนสูตร” สร้างกำลังใจฝ่าวิกฤต “โควิด-19”
เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2563 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ได้มีแนวคิดของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ให้ทุกวัดทั่วราชอาณาจักรและวัดไทยในต่างประเทศ เจริญพระพุทธมนต์บทรัตนสูตร เพื่อเป็นสิริมงคลและสร้างขวัญกำลังใจในช่วงสถานการณ์ประเทศเกิดวิกฤตในขณะนี้ ที่ผ่านมาตั้งแต่โบราณก็มีช่วงที่ประเทศประสบกับโรคภัยไข้เจ็บ เช่น การระบาดของโรคห่า (อหิวาตกโรค) จะมีการสวดมนต์บทนี้ เพราะมีความเชื่อว่าจะช่วยปัดเป่าเรื่องโรคภัยไข้เจ็บ และสิ่งไม่ดีให้พ้นจากประเทศไป ซึ่งตนจะนำเรียนให้มหาเถรสมาคม (มส.) ได้รับทราบในวันที่ 20 มีนาคม นี้ เพื่อให้ทุกวัดได้สวดมนต์บทนี้ ในช่วงหลังจากทำวัตรเย็นทุกวัน และได้คุยกับวัดต่างๆ เพื่อประสานขอความร่วมมือแล้ว โดยจะเริ่มต้นวันแรกในวันที่ 25 มีนาคม 2563 เวลาประมาณ 16.00 น. จะเป็นการนำสวดโดยคณะสงฆ์
นายเทวัญ กล่าวต่อว่า ได้มีการพิจารณาวัดในกรุงเทพมหานคร ที่จะใช้สวดพร้อมกัน คือ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร ซึ่งขณะนี้กำลังทำหนังสือเรียนเชิญสมเด็จพระสังฆราชฯ เป็นองค์ประธาน และมีวัดบวรนิเวศราชวรวิหาร รวมถึงวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร และวัดในจังหวัดหลัก เพื่อเสริมให้กำลังใจกับประชาชนทุกคนรอดพ้นจากภัยอันตราย
นอกจากนี้ยังมีมาตรการป้องกันการติดไวรัสโควิด โดยขอความร่วมมือประชาชนให้อยู่นอกอุโบสถ เพื่อไม่ให้เกิดความแออัดยัดเหยียด โดยเว้นระยะห่างด้วย ไม่ให้เกิดการแออัด และหากเป็นไปได้ขอให้ประชาชนร่วมฟังบทสวดไปพร้อมกันอยู่ที่บ้านพักของแต่ละคนจะดีกว่า ซึ่งจะมีการถ่ายทอดสดผ่านทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 (NBT) ช่อง 9 (MCOT) และกำลังหารืออาจจะถ่ายทอดสดผ่านทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย สำหรับวัดไทยในต่างประเทศจะหารือกับ มส. ว่าจะร่วมด้วยอย่างไร
โดยเรื่องดังกล่าวได้หารือกับนายกรัฐมนตรี ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 17 มีนาคม ที่ผ่านมา เรียบร้อยแล้ว ซึ่งนายกฯ เห็นด้วย บอกว่าดี เพราะเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจ พร้อมกับให้ข้อแนะนำให้เฝ้าระวัง หากประชาชนมารวมตัวกันมาก อาจจะเกิดการติดเชื้อได้ ตนจึงได้แจ้งไปว่าจะขอความร่วมมือให้ประชาชนรับฟังการสวดมนต์อยู่ที่บ้าน หรือหากจะมาร่วมสวดมนต์ก็ให้อยู่บริเวณลานวัดภายนอก พร้อมมีมาตรการในการป้องกัน ทั้งเจลล้างมือและการทำความสะอาด
ส่วนวัดดังที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ได้เริ่มทำความสะอาดวัดในพื้นที่ กทม.อย่างต่อเนื่อง พร้อมกับประสานไปยัง มส. แจ้งไปทุกวัดให้ทำความสะอาด ตั้งจุดคัดกรอง หากสถานการณ์เริ่มรุนแรงอาจจำกัดจำนวนผู้เข้าชมวัด ให้เป็นรอบๆ ไป และจำกัดจำนวนคน แต่ไม่ถึงขนาดต้องปิดวัด เพราะวัดถือเป็นสถานที่ยึดเหนี่ยวจิตใจประชาชน ให้กำลังใจประชาชนทั้งยามทุกข์และยามสุข หากเข้าวัดไม่ได้ ก็ทำให้ประชาชนเกิดความไม่สบายใจได้ ขณะเดียวกันวัดใหญ่ที่มีงบประมาณมากพอ ก็ได้แจ้งว่าพร้อมจะนำงบประมาณไปช่วยวัดเล็กในการทำความสะอาดด้วย สำหรับการรับกิจนิมนต์ของพระสงฆ์ในงานต่างๆ คิดว่าประชาชนก็คงทราบดีถึงความเหมาะสม ทั้งนี้หากพระสงฆ์มีความจำเป็นต้องไป ก็คงต้องสวมหน้ากากอนามัย และปฏิบัติตามคำแนะนำ