ป้าธิดา ประธานที่ปรึกษา นปช. ถาม! คนเสื้อแดง ตายไปหมด หายไปหมด หรือยัง? ชี้ นปช. ยังไม่ชนะ
วันที่ (5 พ.ย.) นางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธานที่ปรึกษาแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยระบุดังนี้
“นปช. และคนเสื้อแดงตายไปหมด หายไปหมด หรือไม่?
เรามีการปรับองค์กรให้เป็นแนวร่วมที่มีรูปการ มีหลักนโยบาย มีคำขวัญ มียุทธศาสตร์ 2 ขาที่โด่งดัง มีการจัดตั้งโรงเรียนการเมือง นปช. ในช่วงปลายปี 2552 และต้นปี 2553 ประชาชนคนเสื้อแดง ตื่นเต้นแข่งกันเข้าเรียนโรงเรียนการเมือง นปช. คับคั่ง
กลายเป็นว่า นปช. คนเสื้อแดง ฤทธิ์แรงเพิ่มขึ้น โดยมีหลักการนโยบายที่สำคัญ 6 ข้อ ถือเป็นเข็มมุ่งที่ต้องปฏิบัติ หมายความว่า เรายึดการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข และใช้การขับเคลื่อน “สันติวิธี” ไม่มีกองกำลังอาวุธ เราจัดศึกษาโรงเรียนการเมืองทั่วประเทศ และออกอากาศถ่ายทอดผ่านทีวีดาวเทียมทุกนัด ปลุกให้ประชาชนตื่นตัวทางการเมือง ในทิศทางที่ถูกต้อง แน่นอนมีคนไม่เห็นด้วยส่วนหนึ่ง จึงเกิดเสื้อแดงกลุ่มอิสระขึ้นหลายกลุ่มที่ไม่ยอมรับนโยบายของ นปช.
มวลชนแยกออกได้ เพราะเราขยายโรงเรียนการเมือง นปช. ทั่วประเทศ สร้างแกนได้มากมาย แต่ไม่ใช่การจัดตั้ง ในระบบกองกำลังอาวุธ เป็นการพบปะ ร่วมชุมนุม พบปะกันทางการเมืองเท่านั้น
โรงเรียนการเมือง นปช. เรามาขยายอีกที หลังปี 2553 ที่ถูกปราบอย่างหนัก ในช่วงปี 52 – 53 , 54 – 56 เป็นเวลาบ่มเพาะทางการเมืองให้ประชาชน นอกจากนโยบาย นปช. ยุทธศาสตร์ ยังจัดศึกษาพัฒนาการทางประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติและพัฒนาการทางความคิด แนวทางการเมืองของประชาชนไทยกลุ่มต่าง ๆ
ถือว่าเราได้บ่มเพาะประชาชนไม่น้อยทางการเมือง ให้เป็นพลเมืองที่ก้าวหน้า ในระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
จึงสามารถเป็นฐาน เพื่อต่อยอดให้เป็นกลุ่มหรือพรรคการเมืองที่ก้าวหน้า สามารถขยายต่อไปไม่ยาก
เพราะประชาชนที่ก้าวหน้าแล้ว จะไม่เปลี่ยนแปลงและไม่ยึดติดกับบุคคล หรือกลุ่มบุคคล/ผู้นำที่เปลี่ยนแปลงไปในทางล้าหลังประชาชนมีแต่เดินหน้า นปช. เป็นองค์กรแนวร่วมที่มีประวัติศาสตร์การนำพาประชาชนต่อสู้ในช่วงเวลานับสิบปีที่ยังไม่ได้รับชัยชนะที่แท้จริง แกนนำจำนวนหนึ่งจึงต้องเผชิญชะตากรรมติดคุก มวลชนก็บาดเจ็บล้มตาย ติดคุก
นี่เป็นหนทางการต่อสู้ของประชาชนที่ยังไม่ได้อำนาจทางการเมืองจริง จะต้องเผชิญชะตากรรมเลวร้าย แต่ประชาชนมากมายยังอยู่ และมีคนรุ่นใหม่ที่เริ่มรับภารกิจต่อสู้ในเวทีต่าง ๆ แม้จะเผชิญชะตากรรมเพียงไร แต่จิตใจยังเต็มเปี่ยมด้วยพลังต่อสู้
ถ้าคิดแบบแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการตามชื่อ ก็จะเข้าใจจิตวิญญาณว่า
ต้องมีใจกว้างขวางกับมวลมิตร
ให้กำลังใจกันและกัน
เสนอแนะกันและกัน
คำนึงถึงชัยชนะของประชาชนเป็นสำคัญยิ่งกว่าผลประโยชน์ของตนเอง
จึงอาจถือได้ว่าเป็นนักต่อสู้ตัวจริง แต่ขณะนี้ก็รอคดีที่เข้ามาเป็นระลอกทั้งแพ่งและอาญา”