วัคซีนเป็นวาระแห่งชาติ —- เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2564 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ทำเนียบรัฐบาลว่า ตนได้เสนอให้การฉีดวัคซีนเป็น “วาระแห่งชาติ” ที่จะต้องดำเนินการอย่างครบวงจร ทั้งการจัดหา การกระจาย ไปจนถึงการฉีดด้วย เพื่อเร่งสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้กับประเทศไทยของเรา แต่สิ่งที่กล่าวมาแล้วนั้น จะเป็นจริงไปไม่ได้เลย หากพี่น้องประชาชนในประเทศไทย ไม่มาเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว ยังได้กล่าวต่อว่า “ผมจึงอยากขอเชิญชวนให้พี่น้องประชาชนทุกคน มาเข้ารับการฉีดวัคซีนกัน ให้มากที่สุด ประเทศไทยจึงจะไปต่อได้ ผมขอยืนยันว่า วัคซีนที่รัฐบาลนำเข้าทุกชนิด มีประสิทธิภาพ ได้รับการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข และใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลก มีคนฉีดไปแล้วหลายสิบล้านคน รวมทั้งผู้นำประเทศทั่วโลก”
ปวิน โชว์ภาพเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด19ของ ไฟเซอร์ ในสหรัฐฯ
ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญทั่วโลกต่างยืนยันว่า วัคซีนโควิดทุกชนิด สามารถป้องกัน การป่วยรุนแรงหากติดเชื้อและป้องกันการเสียชีวิตได้เกือบ 100% ส่วนโอกาสในการเกิดผลข้างเคียงนั้น มีน้อยมากๆ หากเปรียบเทียบกันแล้ว โอกาสในการติดโควิด และเสียชีวิตจากโควิดนั้นมีสูงกว่า การฉีดแล้วเกิดผลข้างเคียงหลายพันเท่า และในการฉีดแต่ละครั้ง จะมีแพทย์ผู้ทำการประเมิน และคอยเฝ้าดูอาการหลังฉีดอีกด้วย
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ล่าสุด จากการเปิดลงทะเบียนยืนยันและนัดหมายการฉีดวัคซีน ผ่าน ระบบ “หมอพร้อม” และช่องทางต่างๆ สำหรับกลุ่มผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป และผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง มีผู้ลงทะเบียนแล้ว กว่า 1.6 ล้านคน สูงสุด คือ กทม. กว่า 5 แสนคน ตามมาด้วยลำปาง ซึ่งมียอด มากกว่า 2 แสนคน
ทุบสถิติใหม่ วันนี้ตายพุ่ง 31 ราย ติดเชื้อยังสูงต่อเนื่อง 1,919 ราย
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ย้ำว่า รัฐสามารถจัดหาวัคซีนให้กับประชากรในประเทศได้ทุกคนอย่างแน่นอน และจะไม่หยุด ในการจัดหาและสำรองใช้เพื่อความปลอดภัยของคนไทยทุกคน พร้อมกับประกาศว่าประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางในการผลิตวัคซีนโควิด-19 ของบริษัทแอสตราเซเนกา ที่ผลิตโดยบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ ที่ได้มาตรฐานสูง ผ่านการรับรองคุณภาพจากทั่วโลก และจะสร้างความมั่นคงยั่งยืน ในการต่อสู้กับไวรัสโควิด-19 นี้ในระยะยาว และสร้างศักยภาพทางเศรษฐกิจและการแข่งขันให้กับ ประเทศชาติในอนาคตอีกด้วย