วันที่ 30 ธ.ค. 63 นาย วรภพ วิริยะโรจน์ ส.ส. พรรคก้าวไกล ได้เสนอแนวทางสำหรับการจัดสรรงบประมาณซื้อวัคซีนโควิด-19 โดยระบุว่า “ถ้ารัฐบาลตัดงบเหล่านี้ ประเทศไทยจะมีวัคซีนเพียงพอสำหรับทุกคน
เท่าพิภพ ก้าวไกล เปิดข้อดี “แก้กฎหมายการพนัน” จัดระเบียบขึ้นมาบนดิน
วิโรจน์ ก้าวไกล โชว์หลากเมนูกุ้ง ยืนยันไม่ใช่พาหะนำ โควิด-19
1.ประเทศไทยได้จองวัคซีนโควิค-19 จากบริษัทแอสตราเซนเนกา (AstraZeneca) จำนวน 60 ล้านโดส วงเงิน 6,049,723,117 บาท
คลอบคลุมคนไทยร้อยละ 18.57 ของประชากร หรือ 13 ล้านคน โดยใช้อัตรา 2 โดส ต่อ 1 คน ซึ่งยังไม่เพียงพอต่อคนทั้งประเทศ และยังไม่รู้ว่าวัคซีนจะมาเมื่อไหร่
ก้าวไกล ชำแหละ โครงการรถไฟความเร็วสูง หลังมีการย้ายสถานีพัทยาตามใจนายทุน
2.วัคซีนของบริษัทแอสตราเซนเนกา (AstraZeneca) (ซึ่งประเทศไทยได้จองไปนั้น) มีประสิทธิภาพ 62 – 90%
วัคซีนของบริษัทไฟเซอร์ไบโอเทค (Pfizer) ของอเมริกา ร่วมกับบริษัทของเยอรมัน มีประสิทธิภาพ 95%
วัคซีนของบริษัทโมเดอร์นา (Moderna) มีประสิทธภาพ 94%
*แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลไทยได้จองวัคซีนที่มีประสิทธิภาพน้อยที่สุดให้แก่คนไทย
3.สิงคโปร์เป็นชาติแรกในอาเซียน ที่นำเข้าวัคซีนจาก ไฟเซอร์ (Pfizer) มาใช้ ด้วยงบปประมาณ 1 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (ประมาณ 2.2 หมื่นล้านบาท) ซึ่งวัคซีนจะมาถึงสิ้นเดือน ธ.ค.นี้
4.ปัจจุบันมีหลายบริษัทในประเทศไทย กำลังทำการวิจัยเพื่อที่จะผลิตวัคซีน ซึ่งเป็นการสร้างความมั่นคงในด้านสาธารณะสุขให้แก่ประเทศไทย
แต่ก็ยังขาดการสนับสนุนที่ไม่มากพอจากภาครัฐทำให้มีการออกมาระดมทุนจากภาคประชาชนปรากฎให้เห็นอย่างเช่น การระดมทุนของ CU Enterprise”